เอเอฟพี - มือสังหารยุคเหยียดสีผิวในแอฟริกาใต้ พต.อ ยูจีน เดอ ค๊อกค์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “ปีศาจตนแรก” (Prime Evil) ถูกปฏิเสธคำร้องขอทัณฑ์บนในวันนี้ (10) หลังจากรับโทษจำคุกมานาน 20 ปี
“ผมไม่อนุมัติทัณฑ์บนในช่วงนี้” ไมเคิล มาซูธา รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแอฟริกาใต้ บอกต่อสื่อมวลชน
เดอ คอกค์ ถูกตัดสินด้วยความผิด 2 กระทงที่มีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิต บวกกับอีก 212 ปี สำหรับความผิดฐานฆาตกรรมและอาชญากรรมอื่นๆ ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าของหน่วยสังหารของตำรวจที่มีเป้าหมายคือกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านการเหยียดผิว
มาซูธา กล่าวว่า เหตุผลหลักที่ทำให้ เดอ คอกค์ จะไม่ได้รับการปล่อยตัวคือ ยังไม่ได้มีการปรึกษาหารือกับเหล่าครอบครัวเหยื่อ
“ผมมีความเห็นในเรื่องนี้ว่ามันเป็นความชอบธรรม ตลอดจนเพื่อประโยชน์ของเหยื่อและสังคมในวงกว้าง ที่ครอบครัวของเหยื่อจะได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณาทัณฑ์บนของนักโทษรายนี้” เขากล่าว
มาซูธา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เดอ คอกค์ สามารถเดินหน้ากระบวนการนี้ได้ระหว่างถูกจองจำ และเขาอาจพยายามยื่นขอทัณฑ์บนอีกครั้งภายในปีนี้
เดอ ค๊อกค์ คือหนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนของยุคเหยียดสีผิวที่ถูกดำเนินคดี หลังจากถูกปฏิเสธนิรโทษกรรมโดยคณะกรรมการแสวงหาความจริงเพื่อความสมานฉันท์ (ทีอาร์ซี) ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 1991 เพื่อพิจารณานิรโทษกรรมให้กับผู้ที่สารภาพความผิดของพวกเขาในช่วงยุคเหยียดสีผิวอย่างหมดเปลือก
ในคำให้การที่เยือกเย็นต่อหน้าคณะกรรมการ เดอ คอกค์ กล่าวโจมตีบรรดาอดีตผู้บังคับบัญชา ก่อนเลี้ยวเข้าสู่สาระสำคัญของคำร้องขอนิรโทษกรรมของเขา
“ผมเป็นแค่สมาชิกของกิจการตำรวจแอฟริกาใต้ที่กำลังรับโทษสำหรับอาชญากรรมต่างๆ ที่ผมได้กระทำในฐานะส่วนหนึ่งความพยายามสนับสนุนการเหยียดสีผิว และต่อสู้กับขบวนการปลดแอกของพรรคชาติ (National Party) ” เดอ คอกค์ กล่าวในบันทึกคำให้การสนับสนุนการขอนิรโทษกรรมของเขา
“บรรดานายพลหรือรัฐมนตรีในช่วงนั้นที่อยู่ในคณะรัฐบาลจนถึงปี 1990 ไม่มีใครถูกดำเนินคดีสักคนเดียว” เขากล่าว
“ผมจะไม่มีทางกระทำความผิดใดๆ เลย ถ้าไม่ใช่เพื่อบริบททางการเมืองและตำแหน่งที่ผมดำรงอยู่ในขณะนั้น และโดยเฉพาะคำสั่งที่ผมได้รับจากผู้บังคับบัญชาของผม”
เดอ คอกค์ ชายร่างใหญ่ที่มีจมูกโค้งงุ้มและคางที่ยื่นเด่นออกมา เป็นผู้บังคับบัญชาของ ฟลัคปลัสส์ (Vlakplass) หน่วย “ต่อต้านลัทธิก่อการร้าย” มีฐานอยู่ที่ไร่แห่งหนึ่งในชานกรุงพรีทอเลีย ตั้งแต่ปี 1985 - 1993
ในการให้การของเขาต่อหน้าคณะกรรมการทีอาร์ซีเมื่อปี 1996 อดีตนายพันนักล่าเหรียญประดับยศผู้นี้ได้ชี้แจงถึงการปฏิบัติงานภายในของหน่วย ที่ถูกกล่าวโทษว่าคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 70 ราย
เขาได้พรรณนาอย่างเยือกเย็น ถึงการกระทำที่ชั่วร้าย ไล่ตั้งแต่การระเบิดสำนักงานใหญ่สมัชชาแห่งชาติแอฟริกาในกรุงลอนดอน จนถึงการจู่โจมข้ามพรมแดน ที่เขาได้รับการยกย่องสำหรับผลงานการลั่นไกสังหารผู้หญิงและเด็ก