เอเอฟพี - ไต้ฝุ่น “นอกูรี” เคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่หลักของประเทศญี่ปุ่นแล้วในวันนี้ (10 ก.ค.) ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ มีต้นไม้หักโค่น บ้านหลายหลังถูกทับถมด้วยโคลน ประชาชนหลายหมื่นคนต้องหาที่หลบภัย
ตั้งแต่เข้าสู่เขตประเทศญี่ปุ่น ไต้ฝุ่นลูกนี้ได้ก่อความเสียหายและทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วหลายราย เมื่อมาถึงพื้นที่ส่วนหลักของแดนอาทิตย์อุทัยก็สร้างหายนะให้กับชุมชนเล็กๆ หลายแห่ง ชาวบ้านจำนวนมากต้องคอยป้องกันไม่ให้บ้านของพวกเขาต้องพังเพราะระลอกคลื่นน้ำโคลน
สถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นระบุว่า บ้านเรือนมากกว่า 500 หลังในหลายจังหวัดถูกน้ำท่วม เนื่องจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นลูกนี้ที่ทำให้เกิดฝนตกหนัก ขณะที่ชาวบ้านกว่า 130,000 ครัวเรือนต้องหาที่หลบภัย
“น้ำยังคงไหลเข้ามาในบ้านอย่างไม่ขาดสายไม่ว่าจะพยายามวิดน้ำออกมากแค่ไหน เราต้องวิดน้ำกันตลอดทั้งคืน” จากการบอกเล่าของหญิงรายหนึ่งในจังหวัดยามางาตะ ซึ่งพื้นที่แห่งนี้มีฝนตกหนักอันเนื่องมาจากอิทธิพลของไต้ฝุ่น
เจ้าหน้าที่ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมและดินถล่ม เนื่องจากลมกระโชกแรงและฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในญี่ปุ่น โดยเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้มีการกำชับให้ชาวบ้านในหมู่เกาะโอกินาวากว่าครึ่งล้านหาที่หลบภัย
ไต้ฝุ่นนอกูรีได้เคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่หลักของญี่ปุ่นในช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ค.) ตรงบริเวณใกล้กับเมืองอากุเนะ ของเกาะคิวชู ส่วนพื้นที่ซึ่งอยู่ถัดไปจากคิวชูก็คือเกาะฮอนชู ที่มีเมืองสำคัญอย่างโตเกียวและโอซากา และเป็นที่พักอาศัยของประชากรกว่า 13 ล้านคน คาดว่าไต้ฝุ่นลูกนี้จะไปถึงในวันศุกร์ (11 ก.ค.)
อย่างไรก็ตาม ไต้ฝุ่นนอกูริได้ลดระดับความรุนแรงลงไปมากเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้มีกระแสลมหมุนเวียนที่อาจมีความเร็วสูงถึง 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนที่ไปทางตะวันออกด้วยความเร็ว 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ชาวบ้านเกือบ 50 รายได้รับบาดเจ็บจากไต้ฝุ่นลูกนี้ รวมถึงมีผู้เสียชีวิต 5 รายด้วยผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากไต้ฝุ่นลูกนี้
เที่ยวบินมากกว่า 190 เที่ยวบินได้ถูกยกเลิก ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นคาดหวังว่าจะจัดการประชุมหาวิธีรับมือภัยธรรมชาติครั้งนี้ เพื่อควบคุมระดับความเสียหายไม่ให้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ไต้ฝุ่นนอกูริกำลังจะเข้าใกล้พื้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะที่เคยประสบภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิ โดยคาดว่าจะไปถึงในช่วงเช้าวันศุกร์นี้ (11 ก.ค.) ขณะที่ผู้ดำเนินการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวระบุว่า กำลังเตรียมการรับมือ
โฆษกของบริษัทที่ดำเนินงานในพื้นที่ดังกล่าว ระบุว่า กำลังใช้สายเคเบิลและสายยางมัดอุปกรณ์ให้แน่นหนา เพื่อให้แน่ใจว่ารถเครนกับเสาปั้นจั่นจะไม่พังลงมา แถมยังจะตรวจตราพื้นที่เพื่ออุดช่องทางที่น้ำอาจจะไหลเข้ามาได้
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นลูกนี้สร้างปัญหาให้กับโรงไฟฟ้าแห่งนี้มากยิ่งขึ้น จากปกติที่บรรดาคนงานเหล่านี้ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมน้ำที่ปนเปื้อนรังสีจำนวนมากในแต่ละวันอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้น้ำปนเปื้อนรังสีเหล่านี้ถูกใช้ในการทำให้เตาปฏิกรณ์ที่เสียหายนั้นเย็นลง นอกจากนี้ยังต้องควบคุมไม่ให้น้ำปนเปื้อนรังสีเหล่านี้ที่ซึมลงไปผสมกับน้ำใต้ดินไหลลงสู่ทะเล แต่ในปัจจุบันทางผู้ดำเนินงานในพื้นที่โรงไฟฟ้าได้สร้าง “กำแพงน้ำแข็ง” ที่เป็นการทำให้พื้นดินรอบโรงไฟฟ้ากลายเป็นน้ำแข็ง เพื่อแก้ปัญหาน้ำใต้ดิน
ขณะเดียวกัน แม่น้ำและลำคลองในเกาะฮอนชูกำลังประสบปัญหาน้ำเอ่อล้น อีกทั้งยังมีโคลนที่ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ส่งผลให้มีเด็กชายวัย 12 ปี เสียชีวิตหนึ่งราย โดยภาพคลื่นน้ำโคลนขนาดใหญ่ที่ถูกบันทึกไว้ ถูกนำมาฉายให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกในรายงานข่าวทางโทรทัศน์
ตำรวจท้องถิ่นรายหนึ่ง ระบุว่า เมื่อวันพุธ (9 ก.ค.) ได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินโคลนถล่มในเมืองนากิโสะ ทางตำรวจและหน่วยแพทย์จึงได้รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ พวกเขาได้พยายามดึงร่างของแม่และลูกอีก 3 คนออกมาจากโคลนและเศษหิน แต่เด็กชายวัย 12 ปีคนนั้นก็ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
นอกจากนี้ ยังมีชายวัยกลางคนรายหนึ่งบอกกับสถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นเอชเคว่า เมื่อวันพุธ (9 ก.ค.) เขาได้ออกไปดูแม่น้ำในละแวกบ้าน แล้วก็ได้ยินเสียงเหมือน “แผ่นดินไหว” จากนั้นก็ได้เห็นหินก้อนใหญ่เกือบ 2 เมตรกลิ้งลงมา เขาก็เลยรับก้มหลบทันทีที่ได้เห็น และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเหตุการณ์แบบนี้
ตำรวจและเจ้าหน้าที่เทศบาลได้ระบุเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ค.) ว่าพบศพชายชราอยู่ในคลองชลประทาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือ 1 ราย และทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นอีก 1 ราย