เอเจนซีส์ - พายุไต้ฝุ่น “มานหยี่” ถล่มตอนกลางของญี่ปุ่นเมื่อวันจันทร์ (16ก.ย.) ทำให้คนชราเสียชีวิต 2 คน และบ้านเรือนหลายพันหลังได้รับความเสียหาย รวมทั้งก่อให้เกิดอุทกภัยในหลายส่วนของนครเกียวโตและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งต้องสั่งอพยพประชาชนกว่า 300,000 ครัวเรือน นอกจากนั้นยังบังคับให้บริษัทผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะที่กำลังเป็นอัมพาตอยู่ ปล่อยน้ำฝนปนเปื้อนรังสีระดับต่ำลงสู่มหาสมุทร
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นรายงานว่า ไต้ฝุ่นมานหยี่ขึ้นฝั่งที่เมืองโตโยฮาชิ จังหวัดอาอิชิ เมื่อช่วงก่อนหน้าเวลา 8.00 น. วันจันทร์ (9.00 น. ตามเวลาไทย) ไม่นานนัก ด้วยความเร็วลม 162 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ขณะที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นเอชเคของทางการรายงานว่า พบหญิงชราวัย 71 ปีผู้หนึ่งเสียชีวิตจากดินถล่มลงมาท่วมบ้านของเธอในจังหวัดชิงะ แล้วยังมีหญิงชราอายุ 77 ปีอีกผู้หนึ่งก็สิ้นชีวิตจากดินถล่มซึ่งเกิดขึ้นในจังหวัดฟูกูอิ
นอกจากนั้น รายงานของเอ็นเอชเคระบุว่า ยังมีผู้สูญหายไป 4 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 128 คน ขณะที่บ้านเรือนกว่า 4,000 หลังถูกน้ำท่วม และบ้านเรือนอย่างน้อย 270 หลังได้รับความเสียหายหนักจากพายุลมแรงหรือดินถล่ม
มานหยี่ ซึ่งลดกำลังรุนแรงลงเล็กน้อยแล้ว ได้พัดออกไปจากเกาะฮนชู ที่เป็นเกาะสำคัญที่สุดของหมู่เกาะญี่ปุ่นแล้วเมื่อตอนเย็นวันจันทร์ ภายหลังจากตาของไต้ฝุ่นลูกนี้เคลื่อนเฉียดห่างจากบริเวณด้านเหนือของเมืองหลวงโตเกียวเป็นระยะทางไม่ถึง 50 กิโลเมตรในช่วงเที่ยงวัน และเวลานี้กำลังมุ่งหน้าสู่เกาะฮอกไกโด ที่เป็นเกาะหลักซึ่งอยู่ทางตอนเหนือที่สุดของญี่ปุ่น ทำให้เกิดฝนตกหนักมากในบริเวณนั้น
พายุไต้ฝุ่นลูกนี้ยังถล่มใส่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งก็รวมถึงบริเวณที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิด้วย โดยก่อให้เกิดฝนเทกระหน่ำในพื้นที่ใกล้ๆ โรงไฟฟ้าอัมพาตแห่งนี้ซึ่งอยู่ในความดูแลของบริษัทโตเกียวอิเล็กทริกพาวเวอร์ (เทปโก)
โย โคชิมิซุ โฆษกเทปโกแถลงว่า เวลานี้คนงานกำลังสูบน้ำจากบริเวณใกล้ๆ ที่วางพวกถังเก็บน้ำปนเปื้อนรังสี ซึ่งเชื่อกันว่ามีรอยรั่วที่ทำให้น้ำในถังไหลซึมไปปนรวมกับน้ำใต้ดินอยู่เรื่อยๆ
“เราตัดสินใจปล่อยน้ำที่สูบเอาไว้เหล่านี้ลงไปในทะเล เนื่องจากเรามีข้อสรุปว่าสามารถที่จะถือว่ามันเป็นน้ำฝนที่ตกลงมาได้ ภายหลังที่เราตรวจสอบระดับของรังสีแล้ว” โฆษกผู้นี้บอกโดยเขาแจกแจงว่า น้ำเหล่านี้จำนวน 1 ลิตรมีสารกัมมันตรังสี “สตรอนเชียม” และวัสดุรังสีอื่นๆ ไม่เกิน 24 เบคเคอเรล ในขณะที่ทางการญี่ปุ่นกำหนดว่าน้ำที่จะปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมได้จะต้องมีระดับรังสีไม่เกิน 30 เบคเคอเรล
ก่อนหน้านี้เทปโกเคยเปิดเผยว่า น้ำใต้ดินที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีเล็กน้อยไหลผ่านใต้เตาปฏิกรณ์ลงสู่มหาสมุทรวันละ 300 ตันโดยประมาณ
อย่างไรก็ตาม โคชิมิซุ บอกว่า ไม่ทราบว่ามีน้ำถูกปล่อยลงทะเลตาม “มาตรการฉุกเฉิน” คราวนี้มากน้อยแค่ไหน และกล่าวด้วยว่า ไต้ฝุ่นลูกนี้ยังบังคับให้เทปโกต้องยกเลิกการปฏิบัติงานนอกอาคารที่กำหนดเอาไว้ในวันจันทร์ ถึงแม้มาหยี่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ต่อโรงไฟฟ้าแห่งนี้เลยก็ตามที
ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์นั้นเอง สำนักงานอุตุนิยมวิทยาได้ออกคำเตือนภัยระดับสูงสุดว่า “มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดฝนตกหนักอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน” ในเมืองเกียวโตและอีก 2 จังหวัดใกล้เคียง โดยที่เจ้าหน้าที่รับผิดชอบท้องถิ่นของเมืองท่องเที่ยวสำคัญแห่งนี้ตลอดจนเมืองอื่นๆ บริเวณนี้ ได้แนะนำให้ประชาชนจำนวนรวม 340,000 ครัวเรือนอพยพ
ทั้งนี้ ไต้ฝุ่นมานหยี่ได้ทำให้เกิดฝนตกหนักในแถบนี้ถึง 8 เซนติเมตรต่อชั่วโมงในช่วงคืนวันอาทิตย์ แม้ล่าสุดมีการยกเลิกคำเตือนระดับสูงสุดแล้ว แต่สำนักงานอุตุนิยมวิทยายังแนะนำให้ประชาชนเตรียมพร้อม
ภาพข่าวโทรทัศน์แสดงให้เห็นกระแสน้ำที่ท่วมท้นไหลบ่าออกจากริมฝั่งแม่น้ำคัตสึระ ในพื้นที่อะราชิยามะของเกียวโต ซึ่งมีทัศนียภาพงดงามเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และเข้าท่วมบรรดาโรงแรมตลอดจนร้านขายของที่ระลึกซึ่งอยู่ใกล้ๆ
เจ้าหน้าที่กู้ภัยและพนักงานโรงแรมกำลังลากจูงเรือพายขนาดเล็กที่มีนักท่องเที่ยว 4 คนนั่งอยู่ผ่านเขตน้ำลึกระดับเข่า
รัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัดเกียวโตแจ้งว่า ได้ขอให้กองกำลังป้องกันตนเองส่งทหารเข้ามาร่วมช่วยเหลือการขนทรายป้องกันน้ำท่วมและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
ที่จังหวัดไซตามะ ทางตอนเหนือของโตเกียว ลมกรรโชกพัดหลังคาบ้านเรือนปลิวหายและรถพลิกคว่ำ
เอ็นเอชเครายงานว่า เที่ยวบินภายในประเทศราว 50 เที่ยวถูกสั่งยกเลิกในวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ โดยเฉพาะเที่ยวบินที่ออกจากโตเกียว เช่นเดียวกับบริษัทรถไฟที่ระงับการให้บริการชั่วคราวในหลายเส้นทางตอนกลางและตะวันออกของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงรถไฟหัวกระสุน “ชินคันเซน” ที่วิ่งระหว่างชิซูโอกะกับมิชิมะ
