เอเอฟพี - ทุกประเทศในเอเชียควรมีมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสกลุ่มโรคทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) แม้ว่าแนวโน้มการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางในภูมิภาคนี้จะค่อนข้างน้อยก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงวันนี้ (10 ก.ค.)
มาร์ก เจค็อบส์ ผู้อำนวยการฝ่ายโรคติดต่อในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกของ WHO ชี้ว่า ไวรัสทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลาง หรือ MERS นั้น ดูเหมือนจะติดต่อได้ยากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์ประเมินในเบื้องต้น แม้จะคร่าชีวิตผู้ติดเชื้อไปแล้วถึง 287 รายก็ตาม
เจค็อบส์ชี้ว่า ญาติของป่วยต่างไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าพวกเขาจะพลอยได้รับเชื้อไปด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลฟิลิปปินส์ร้องขอให้พลเมืองมุสลิมทบทวนแผนเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ซาอุดีอาระเบีย จนกว่าการแพร่ระบาดของไวรัส MERS จะเบาบางลง
อย่างไรก็ตาม เจค็อบส์ชี้ว่า ไวรัสชนิดนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคเอเชียมากอย่างที่หลายคนคิด
“การแพร่ระบาดในภูมิภาคที่เราอาศัยอยู่ยังจัดว่าน้อยมาก... หากไวรัสไม่มีการกลายพันธุ์ ผมเชื่อว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงไปกว่านี้”
ข้อมูลจาก WHO ระบุว่า ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อ MERS ใน 15 ประเทศ โดยมีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางในคาบสมุทรอาระเบีย
นอกจากตะวันออกกลางแล้วยังพบผู้ติดเชื้อ MERS ในฟิลิปปินส์ และมาเลเซียด้วย แต่ทั้ง 2 กรณีผู้ป่วยเพิ่งจะเดินทางกลับจากประเทศแถบตะวันออกกลาง และยังไม่ได้แพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่น
“เรายังไม่พบการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในชุมชน หรือปรากฏการณ์ในลักษณะดังกล่าว ซึ่งจะทำให้สรุปได้ว่าไวรัสสามารถติดต่อได้ง่าย แต่เราก็ยังเฝ้าจับตาดูสถานการณ์ และหวังว่าจะไม่เกิดปัญหาเช่นนั้นขึ้น” เจค็อบส์ กล่าว
แม้ไวรัส MERS อาจแพร่ระบาดในสถานพยาบาลที่มีผู้ป่วยพักฟื้นอยู่ “แต่ถ้ามองในแง่ความเสี่ยงต่อประชากรทั่วโลกแล้ว ยังจัดว่าต่ำมาก”
เจค็อบส์ แนะนำให้ชาวเอเชียที่จะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียในช่วงพิธีฮัจญ์เดือนตุลาคมนี้ใช้ความระมัดระวัง เอาใจใส่เรื่องสุขอนามัยเป็นพิเศษ และอยู่ห่างจากบุคคลที่แสดงอาการป่วย เช่น ไอ เป็นต้น
ขณะนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่ประกาศจำกัดการเดินทาง การค้า หรือแนะนำมาตรการคัดกรองบุคคลเข้าประเทศเป็นพิเศษที่มีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของไวรัส MERS