เอเจนซีส์ – กองทัพรัฐบาลยูเครน ชิงเมืองสโลเวียนสก์ คืนสำเร็จ ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ประกาศว่า ชัยชนะเหนือเมืองซึ่งเป็นที่มั่นสำคัญของกลุ่มแยกดินแดนโปรรัสเซียคราวนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ แต่ก็ยอมรับศึกยังไม่จบ หลังมีรายงานว่ากลุ่มกบฏได้หลบหนีไปรวมกันในเมืองโดเนตสก์ เตรียมตั้งศูนย์บัญชาการใหญ่รบกับกองทัพกรุงเคียฟต่อ
ประธานาธิบดีโปโรเชนโก ของยูเครน ประกาศเมื่อวันเสาร์ (5 ก.ค.) ขณะที่กองทัพชักธงยูเครนบนอาคารที่เคยเป็นที่มั่นของกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซีย ในเมืองสโลเวียนสก์ ทางภาคตะวันออกของประเทศว่า ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็น “จุดเปลี่ยน” ในวิกฤตความขัดแย้งที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 500 คน และความสัมพันธ์ตะวันตก-ตะวันออก สั่นคลอนอย่างรุนแรง
ต่อมา ในวันอาทิตย์ (6) แอนดรีย์ ไลเซนโก เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายของยูเครนแถลงว่า กองทัพสามารถเข้าควบคุมทั้งเมืองสโลเวียนสก์ และเมืองครามาตอร์สก์ ได้อย่างสมบูรณ์ และเริ่มบูรณะโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย ตลอดจนมุ่งทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่า ประชาชนจะสามารถเข้าถึงอาหาร และน้ำดื่ม
วันเดียวกันนั้น ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิเศษในเขตดอนบาสส์ (ยูเครนตะวันออก)ประกาศว่า สามารถยึดเมืองดรุซคิฟกา และคอสเตียนไทนิฟกา ทางตอนใต้ของสโลเวียนสก์กลับคืนมาได้แล้วเช่นกัน
ด้านกลุ่มกบฏยอมรับความปราชัยครั้งใหญ่ เมื่อต้องทิ้งที่มั่นในเมืองยุทธศาสตร์อย่างสโลเวียนสก์ ที่พวกเขาเข้ายึดเอาไว้อยู่เกือบ 3 เดือน ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นของวิกฤตครั้งที่นองเลือดร้ายแรงที่สุด นับตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย และยูเครนประกาศเอกราชเมื่อปี 1991
พวกนักวิเคราะห์มองว่า โปโรเชนโก ต้องการชัยชนะในสนามรบอย่างมาก หลังจากขึ้นรับตำแหน่งได้เพียง 1 เดือน ทั้งนี้ เพื่อรักษาความไว้วางใจของชาวยูเครนที่ก่อนหน้านี้เดือดดาลอย่างหนักต่อความไร้ประสิทธิภาพของกองทัพในการยืนหยัดสู้กับความก้าวร้าวของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม โปโรเชนโก ตั้งข้อสังเกตระหว่างออกมาแถลงถ่ายทอดทางทีวีทั่วประเทศในวันเสาร์ว่า นี่ยังไม่ใช่ชัยชนะอย่างสมบูรณ์ และตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มกบฏได้เคลื่อนย้ายไปรวมกำลังพลใหม่ในเมืองโดเนตสก์ ซึ่งเป็นฐานอุตสาหกรรมสำคัญทางตะวันออกของประเทศ โดยที่เขาประกาศจะถอนรากถอนโคน “ผู้ก่อการร้าย” เหล่านี้ต่อไป
ขณะเดียวกัน การคาดการณ์แง่ดีในเมืองหลวงเคียฟ ก็กำลังเพิ่มความกดดันต่อโปโรเชนโก หลังจากผู้นำที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกผู้นี้โอนอ่อนต่อเสียงเรียกร้องของพวกชาตินิยมจัดภายในประเทศ จึงไม่ยอมต่ออายุข้อตกลงหยุดยิงกับฝ่ายกบฎที่สิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (30 มิ.ย.) โดยอ้างว่า กลุ่มกบฏไม่ยอมวางอาวุธ ซ้ำสังหารทหารยูเครนกว่า 20 คน รวมทั้งฉวยจังหวะที่มีการหยุดยิงมาสั่งสมเพิ่มเติมอาวุธหนักซึ่งได้รับจากรัสเซีย
ทว่า ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) นั้นหวังว่า การจัดทำข้อตกลงหยุดยิงครั้งใหม่ และคำสัญญาของรัสเซีย ที่ว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงในยูเครน จะช่วยให้ยุโรปไม่ต้องเพิ่มมาตรการลงโทษมอสโก อันจะส่งผลสะท้อนกลับสร้างความเสียหายให้แก่ความสัมพันธ์ด้านพลังงาน และการเงินที่พวกชาติอียูกับแดนหมีขาว
ด้วยเหตุนี้ โปโรเชนโก จึงจำใจเชิญผู้นำขบวนการแบ่งแยกดินแดน และตัวแทนจากรัสเซียร่วมหารือโดยมีอียูเป็นตัวกลางเกี่ยวกับการหยุดยิงครั้งใหม่เมื่อวันเสาร์ (5) ทว่าไม่ได้รับคำตอบจากมอสโก และกลุ่มกบฏ กระนั้นภายหลังจากยูเครนชิงสโลเวียนสก์ กลับมาได้ ดูเหมือนรัสเซียกระตือรือร้นกลับสู่โต๊ะเจรจามากขึ้น
เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศแดนหมีขาว ย้ำกับรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนีเมื่อคืนวันเสาร์ถึงความสำคัญของการบรรลุข้อตกลงระหว่างเคียฟกับประชาชนในดินแดนด้านตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกที่พูดภาษารัสเซีย เกี่ยวกับการหยุดยิงระยะยาวโดยไม่มีเงื่อนไข นอกจากนั้น ลาฟรอฟ อ้างด้วยว่า สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ดังกล่าวลุกลามอย่างรวดเร็ว จากปฏิบัติการทางทหารของกองทัพยูเครน
ทั้งนี้ การล่าถอยออกจากสโลเวียนสก์ ของกองกำลังอาวุธโปรรัสเซียคราวนี้ นำโดย อิกอร์ สเตรลคอฟ ซึ่งเคียฟ กล่าวหาว่า แท้จริงเป็นนายทหารยศพันเอกของหน่วยข่าวกรอง GRU ของกองทัพรัสเซีย โดยที่ข้อมูลนี้สอดคล้องกับข้อกล่าวหาของฝ่ายตะวันตกที่บอกว่า มอสโกหนุนหลังขบวนการแบ่งแยกดินแดนในยูเครนตะวันออก
ในวันเสาร์ สเตรลคอฟ ได้ทวิตตำหนิประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียว่า ไม่รักษาคำมั่นที่ให้ไว้ว่าจะใช้ “ทุกช่องทางที่มี” เพื่อปกป้องประชาชนผู้พูดภาษารัสเซียในยูเครน
อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นไม่นาน สเตรลคอฟ ได้ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีที่สนับสนุนมอสโกว่า เขากำลังยุ่งกับการวางแผนโจมตีตอบโต้กลับ และในวันจันทร์ (7) จะประกาศจัดตั้งสภาทหารกลางที่จะรวมเอาหัวหน้านักรบภาคสนามคนสำคัญๆ ทั้งหมด โดยสภาแห่งนี้จะทำหน้าที่ประสานงานเพื่อปกป้องสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และอาจรวมถึงบางส่วนของสาธารณรัฐลูกานสก์ ซึ่งก็เป็นอีก 1 จังหวัดในภาคตะวันออกของยูเครน ที่ประกาศเอกราชแยกออกมาจากเคียฟ