กองทัพยูเครนถอนทหารออกจากสนามบินลูกานสก์ หลังโดนรัสเซียโจมตี

เอเอฟพี - ยูเครนออกมาระบุในวันนี้ (1 ก.ย.) ว่ากองทัพรัฐบาลต้องล่าถอยออกจากพื้นที่สนามบินลูกานสก์ หลังเผชิญหน้ากับการโจมตีของทหารรัสเซีย ที่เคลื่อนกำลังพลเข้าสู่เมืองสำคัญๆ ในภาคตะวันออกของยูเครน

วาเลร์ลีย์ เกเลตีย์ รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน ระบุว่า บรรดาหน่วยทหารของรัสเซียได้เคลื่อนกำลังพลเข้าสู่เมืองสำคัญๆ ของลูกานสก์และโดเนตสก์แล้ว

เขาบอกกับสถานีโทรทัศน์อินเตอร์แชนแนลของยูเครนเมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า ข้อมูลที่ระบุว่าทหารรัสเซียได้เคลื่อนกำลังเข้าสู่บริเวณดังกล่าวได้รับการยืนยันแล้ว

"เรากำลังสู้อยู่กับพวกรัสเซีย และรัสเซียนั่นแหละที่กำลังตัดสินสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเขตดอนบาสส์" เขากล่าวโดยเรียกพื้นที่แถบโดเนตสก์และลูกานสก์ด้วยชื่อที่ไม่เป็นทางการ

ขณะเดียวกันประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก ก็ได้บอกกับบรรดานักเรียนนายร้อยที่กรุงเคียฟในวันนี้ (1 ก.ย.) ว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายมากขึ้นในช่วงหลังๆ ถือเป็นการรุกรานยูเครนอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยฝีมือของประเทศเพื่อนบ้านอย่างรัสเซีย

ด้านโฆษกของกองทัพยูเครน ระบุว่า หลังจากที่ทำการสู้รบกับกองพันรถถังที่เป็นกำลังหนุนมาจากรัสเซียนานนับชั่วโมง ทหารของยูเครนก็ต้องถอยออกจากทางตอนใต้ของลูกานสก์ หนึ่งในฐานที่มั่นสำคัญของฝ่ายกบฏ

โฆษกความมั่นคงยูเครน อังดรีย์ ลีย์เชนโก ระบุว่า ทหารยูเครนได้รับคำสั่งให้ถอยออกจากสนามบินลูกานสก์และหมู่บ้านจอร์กิยิฟกา และเมื่อดูจากความแม่นยำของการโจมตีครั้งนี้ จะต้องมีทหารปืนใหญ่ที่มีความสามารถสูงจากกองทัพรัสเซียร่วมปฏิบัติการด้วยแน่นอน

การถอยร่นในครั้งนี้ นับเป็นความปราชัยครั้งล่าสุดของกองทัพยูเครน เมื่อฝ่ายกบฏได้เปิดฉากรุกตอบโต้ในทางตอนใต้ของโดเนตสก์ ซึ่งทั้งทางยูเครนและนาโต้ต่างก็บอกว่ามีทหารประจำการของรัสเซียเข้าช่วยฝ่ายกบฏ แตกต่างจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ที่กองทัพรัฐบาลเป็นฝ่ายบุกประชิดโดเนตสก์และลูกานสก์ ฐานที่มั่นของฝ่ายกบฏได้เมื่อสัปดาห์ก่อน

นับแต่นั้นมา การบุกโจมตีของฝ่ายกบฏก็ทำให้กองทัพยูเครนต้องละทิ้งพื้นที่ทางใต้และตะวันออกของที่มั่นฝ่ายกบฏ เพื่อเสริมการป้องกันให้กับมาริวโปล เมืองท่ายุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญของฝ่ายรัฐบาล ที่เคยสงบสุขมานานหลายเดือนหลังจากกองทัพยูเครนผลักดันฝ่ายกบฏออกไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม

นักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า จำนวนทหารของกองทัพยูเครนในพื้นที่ของฝ่ายกบฏนั้นได้ลดลงในช่วงหลังๆ จุดตรวจอีกหนึ่งแห่งที่เคยอยู่บริเวณรอบนอกฝั่งตะวันตกของโดเนตสก์ก็หายไปแล้วในวันนี้ (1 ก.ย.)