รอยเตอร์ - ประชาชนหลายพันคนเดินขบวนในกรุงโตเกียวเมื่อวันจันทร์(30) เพื่อประณามการปรับเปลี่ยนนโยบายความมั่นคงครั้งสำคัญโดยนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่ต้องการผ่อนปรนข้อจำกัดตามรัฐธรรมที่ห้ามญี่ปุ่นมีกองทัพและส่งทหารไปรบในต่างแดนนับตั้งแต่พ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2
ผู้ประท้วงเหล่านี้ที่ประกอบไปด้วยนักศึกษา คนวัยเกษียณอายุและสตรีที่ทำงานอยู่กับบ้าน รวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานของนายอาเบะ ก่อนหน้าการประชุมคณะรัฐมนตรีที่คาดหมายว่าจะให้รับรองสิ่งที่เหล่านักวิเคราะห์ให้คำจำกัดความว่าการปรับเปลี่ยนทางนโยบายครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ญี่ปุ่นจัดตั้งกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลและอากาศขึ้นในปี 1954
แกนนำผู้ชุมนุมบอกว่ามีประชาชน 10,000 คนเข้าร่วมเดินขบวนที่มีทั้งการตีกลอง ตะโกนร้องและเป่าแซกโซโฟน บางส่วนก็ชูป้าย "เราไม่ต้องการเห็นลูกๆและทหารของเราตายอีก" และ "ปกป้องรัฐธรรมนูญ" ขณะที่ตำรวจบอกว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุมหลายพันคน
ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลแห่งหนึ่งที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์นิกเกอิ บิสเนส เดลี เมื่อวันจันทร์(30) พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถามมากถึงร้อยละ 50 ที่ต่อต้านการยกเลิกข้อหาม ขณะที่มีผู้สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ที่ร้อยละ 34 หลังจากก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์(29) เกิดเหตุชายคนหนึ่งจุดไฟเผาตัวเองบนสะพานลอยเหนือแยกที่พลุกพล่านกลางกรุงโตเกียว เพื่อประท้วงการเปลี่ยนแปลงนโยบายความมั่นคงครั้งนี้
คาดหมายว่าคณะรัฐมนตรีจะให้การรับรองมติแก้ไขการตีความรัฐธรรมนูญที่ร่างหลังจากญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลก็บ่งชี้ว่าจะสนับสนุนการปรับแก้ครั้งนี้ อย่างไรก็ตามร่างฉบับแก้ไขยังจำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งในขั้นตอนนี้อาจมีการกำหนดข้อจำกัดต่างๆเพิ่มเติมเข้ามา
รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นที่ร่างภายใต้การควบคุมของอเมริกาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ระบุว่า พลเมืองญี่ปุ่น “ไม่ยอมรับว่าสงครามเป็นสิทธิอธิปไตยของประเทศไปตลอดกาล” และจะไม่คงไว้ซึ่ง “กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ตลอดจนถึงศักย์สงคราม” ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นในอดีตตีความว่า ญี่ปุ่นจะต้องไม่ครอบครองอาวุธเพื่อการโจมตี เช่น เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์พิสัยไกล
การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้จะช่วยเพิ่มทางเลือกทางทหารของญี่ปุ่นให้มีความกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งด้านป้องกันตนเองและให้ความช่วยเหลือแก่ชาติพันธมิตรที่ตกอยู่ภายใต้การโจมตี นอกจากนี้แล้วมันยังจะช่วยผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆในการเข้าร่วมปฏิบัติการความมั่นคงที่นำโดยสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และจัดเตรียมกรอบโครงทางกฎหมายเพื่อต่อต้านการบุกรุกหมู่เกาะที่อยู่ห่างไกล ซึ่งรวมถึงดินแดนในทะเลจีนตะวันออกที่จีนอ้างสิทธิ์เช่นกัน, รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นกระชับความสัมพันธ์ทางการทหารกับพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกา
พวกหัวอนุรักษ์นิยมบอกว่ามาตรการ 9 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งว่าด้วยการสละสิทธิอธิปไตยในสงครามและห้ามการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศผ่านการใช้กำลัง เป็นการจำกัดแสนยานุภาพในการป้องกันตนเองของญี่ปุ่นมากเกินไปและเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจของภูมิภาค ในนั้นคือการผงาดขึ้นมาของจีน ดังนั้นนโยบายต่างๆด้านความมั่นคงของญี่ปุ่น จึงจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้น