คนร้ายซุ่มยิงเจ้าหน้าที่จีนเสียชีวิต คาดแก้แค้นเรื่องผลประโยชน์สมุนไพรดัง ‘ถังเช่า’

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - เจ้าหน้าที่รัฐชาวทิเบตสังเวยชีวิตกลางหุบเขาชนบทหลังคนร้ายซุ่มยิงไม่ยั้ง ตำรวจคาดฝีมือคนในพื้นที่ที่แค้นเรื่องผลประโยชน์จากการปลูกสมุนไพรชื่อดังราคาดี

สำนักข่าวซินหวาของทางการจีน รายงาน (19 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ชาวทิเบตของรัฐบาลท้องถิ่นมณฑลเสฉวน ถูกกลุ่มคนร้ายซุ่มโจมตีระหว่างเดินทางข้ามหุบเขาจนเสียชีวิต โดยตำรวจคาดแรงจูงใจมาจากความต้องการแก้แค้นกรณีควบคุมการเก็บเกี่ยว “ถังเช่า” พืชสมุนไพรล้ำค่าที่มากด้วยสรรพคุณและเงินกำไร

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า เหยื่อเคราะห์ร้ายคือนายจัง เว่ย อายุ 36 ปี ชาวทิเบตที่ทำงานอยู่ในคณะกรรมการด้านกฎหมายและการเมืองของเมืองซินหลง แคว้นปกครองตนเองกันจือ ในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ

นายจังได้นำทีมเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปยังพื้นที่ห่างไกล เพื่อระงับและป้องกันความขัดแย้งในกลุ่มประชาชนหมู่บ้านหลังจู หลังเกิดปัญหากระทบกระทั่งเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวพืชสมุนไพรถังเช่า โดยพวกเขาใช้เวลา 40 วัน เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค. คลุกคลีอยู่ในหมู่บ้านอันระบบสื่อสารโทรคมนาคมไม่สามารถเข้าถึงได้ ก่อนจะกลับออกมาเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.

ทว่าระหว่างเส้นทางซึ่งเป็นหุบเขาน้อยใหญ่ เขาและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ถูกซุ่มโจมตีโดยกลุ่มมือปืนไม่ทราบจำนวน เป็นเหตุให้ตัวนายจังถูกลอบยิงจนเสียชีวิตคาที่

ทางด้านฝ่ายสืบสวนเผยว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายรายหนึ่งคือ นายเสวี่ย กา ชาวหมู่บ้านหลังจู ซึ่งอยู่ระหว่างหลบซ่อนตัว โดยสันนิษฐานว่าแรงจูงใจของการก่อเหตุมาจากความแค้นส่วนตัว

อย่างไรก็ดี ตำรวจได้ดำเนินการออกหมายจับกุม พร้อมตั้งเงินรางวัลนำจับ จำนวน 500,000 หยวน (ราว 2 ล้าน 5 แสนบาท) และติดแผ่นโปสเตอร์ที่มีรูปของนายเสวี่ยเพื่อกระจายข้อมูลอีกด้วย

ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นเสฉวนได้ส่งสารแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวนายจัง โดยจากประวัติ จังจบการศึกษาจากวิทยาลัยครูอาป้าในเสฉวนเมื่อปี 2545 และเริ่มทำงานที่สถานีตำรวจท้องถิ่น ก่อนไต่เต้าเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังป้องกันสิ่งชั่วร้าย และย้ายไปสังกัดคณะกรรมการด้านกฎหมายและการเมืองท้องถิ่นในเดือน มิ.ย. 2555

ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลจีนพยายามปกป้องรักษาเสถียรภาพความมั่นคงในประเทศ ตั้งแต่การใช้บทลงโทษเข้มงวดกับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการยึดคืนที่ดินของทางการ การเซ็นเซอร์โลกออนไลน์อย่างจริงจัง ตลอดจนการซุกซ่อนความไม่พอใจของชนกลุ่มน้อยทางศาสนาและชาติพันธุ์ไว้ใต้พรม ซึ่งมาตรการเหล่านั้นกลายเป็นน้ำมันที่อยู่ใกล้กองไฟ กระตุ้นชาวทิเบตอย่างน้อย 120 ราย จุดไฟเผาตัวเองเพื่อประท้วงอำนาจการปกครองของรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2552 และฝังตัวเป็นปัญหาเรื้อรังที่ยากจะแก้ไขในเร็ววัน