เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารต่อฝ่ายกบฏซีเรียเพื่อโค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด หวังจะได้เห็นประชาชนชาวซีเรียอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองใหม่ที่ “วอชิงตันควบคุมได้”
บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ วัย 52 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ ตั้งแต่มกราคมปี 2009 ร้องขอในวันพฤหัสบดี (26) ให้สภาคองเกรสส์อนุมัติ “งบประมาณเบื้องต้น” ราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 16,237 ล้านบาทเพื่อฝึกอบรมการต่อสู้และจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์อันทันสมัยให้กับกองกำลังฝ่ายกบฏซีเรีย
โอบามาซึ่งเป็นเจ้าของ “รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ” เมื่อปี 2009 ให้เหตุผลต่อสภาคองเกรสว่า สหรัฐฯ มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ต้องช่วย “เสริมเขี้ยวเล็บ” ให้กับฝ่ายกบฏในซีเรียที่กำลังทำสงครามกลางเมืองกับทหารรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่มีรัสเซียและอิหร่านเป็น “ผู้สนับสนุนรายใหญ่”
“ฝ่ายกบฏในซีเรียกำลังต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งข้าพเจ้าตระหนักว่าเป็นภาระหน้าที่ของอเมริกาที่ต้องยืนหยัดอยู่กับฝ่ายต่อต้านอัสซาด” โอบามากล่าว
ด้านแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์โดยระบุว่า โอบามาต้องการเห็น “การล่มสลาย” ของระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาดในซีเรียเกิดขึ้นโดยเร็ว และปรารถนาจะเห็นการสถาปนา “ระบอบการปกครองใหม่” ในซีเรียที่ “เป็นมิตร” และพร้อม “โอนอ่อนต่อวอชิงตัน”
ท่าทีล่าสุดของโอบามามีขึ้นท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ ตระหนักดีว่าการเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินและอาวุธแก่ฝ่ายกบฏในซีเรียจะทำให้สงครามกลางเมืองที่ดำเนินมานานจนเข้าสู่ขวบปีที่ 4 และคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 160,000 รายจะต้องยืดเยื้อต่อไป และประชาชนชาวซีเรียกว่า 22.5 ล้านคนทั่วประเทศจะต้องเป็นผู้รับชะตากรรมอันโหดร้าย
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงและผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองในตะวันออกกลางลงความเห็นว่า มีความเสี่ยงอย่างมากที่อาวุธยุทโธปกรณ์ “เมด อิน ยูเอสเอ” ที่โอบามาจัดหาให้กับฝ่ายกบฏซีเรียนั้น อาจตกไปอยู่ในมือของพวกนักรบอิสลามิสต์หัวรุนแรงที่แฝงตัวอยู่ในฝ่ายกบฏซีเรีย ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มแนวร่วม “อัล นุสรา” ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ รวมถึงกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์ (ISIL) ที่กำลังเคลื่อนไหวทั้งในอิรักและซีเรีย เพื่อสถาปนาการปกครองในรูปแบบ “รัฐอิสลามสุดโต่ง” ขึ้นในทั้งสองประเทศ
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ยังระบุว่า โอบามาเองก็ยังไม่สามารถให้หลักประกันใดๆ ต่อสภาคองเกรสได้ว่าซีเรียจะมีระบอบการปกครองใหม่ที่เป็นมิตรและโอนอ่อนต่อวอชิงตันจริง หากสหรัฐฯ ทุ่มเททรัพยากรเพิ่มขึ้นเพื่อหนุนฝ่ายกบฏซีเรีย