เอพี - คมดาว โบเยอร์ หรือ “ดาว” หญิงไทยวัย 44 ปี รอดจากการถูกเนรเทศกลับไทยหวุดหวิดเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) หลังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯมีมติพลิกคำสั่งในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ทั้งนี้เธอสารภาพผิดว่าได้ขโมยเงินจากร้านพิซซ่าที่เธอทำงานนานถึง 10 ปี เพื่อใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับสามีชาวอเมริกันที่ล้มป่วย ทำให้เธอต้องเสียสิทธิการเป็นผู้มีพำนักอาศัยถาวรในสหรัฐฯ
คมดาว โบเยอร์ หรือ “ดาว” (Komdown “Dow” Boyer) อพยพไปอยู่สหรัฐฯพร้อมมารดาตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากแม่ของเธอแต่งงานกับทหารอเมริกัน เธอถูกตัดสินเมื่อปลายปี 2013 ว่ามีความผิดฐานขโมยเงินสดในร้านพิซซ่าที่เธอทำงานนานสิบปีในตำแหน่งผู้จัดการของร้าน และถูกลงโทษด้วยการถูกคุมประพฤติ รวมทั้งต้องจ่ายเงินชดใช้เป็นจำนวน 51,000 ดอลลาร์ ภายหลังเธอยอมสารภาพผิดว่าลักทรัพย์จริง
ทั้งนี้ นางโบเยอร์ ให้การว่า มีความจำเป็นต้องการนำเงินสดไปชำระค่ารักษาพยาบาลให้กับ จัสติน โบเยอร์ (Justin Boyer) สามีชาวอเมริกัน อาชีพช่างเครื่องที่ขาถูกรถยนต์ทับ
นางโบเยอร์ มีบุตรชาย 3 คน โดยสองคนรับราชการในกองทัพสหรัฐฯ ได้แก่ เดอร์ริค แซตเตอร์ฟิลด์ (Derrick Satterfeild) อายุ 18 ปี และ โคดี แซตเตอร์ฟิลด์ (Kodi Satterfeild) อายุ 20 ปี และ มีลูกสาวอีก 1 คน คือ จอร์ดิน โบเยอร์ (Jordin Boyer) อายุ 5 ปี
จาวาด คาซาอีลี (Javad Khazaeli ) ทนายความจำเลยให้สัมภาษณ์กับเอพีว่า ลูกความของเขาถูกนำตัวออกจากเรือนจำมิสซูรีเคาน์ตีอย่างกระทันหันเมื่อวันอาทิตย์ (23) และถูกส่งตัวไปยังท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ ในเมืองชิคาโก แต่แล้วคำสั่งเนรเทศเธอก็ถูกพลิก ไม่ถึง 1 ชม. ก่อนเครื่องบินในเที่ยวบินที่จะนำตัวเธอกลับมายังเมืองไทยจะเทกออฟ
คาซาอีลี ซึ่งเป็นอดีตอัยการคดีด้านต่อต้านก่อการร้ายประจำกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีอำนาจที่จะใช้ดุลยพินิจในเรื่องการเนรเทศนี้ สำหรับคดีบางคดีที่มีความผิดไม่สูง
“คดีนี้ต้องใช้เวลานานสักหน่อย แต่เราเข้าถูกช่อง สามารถเสนอเรื่องไปถึงผู้รับผิดชอบที่ถูกต้อง” คาซาอีลี กล่าว พร้อมกับเล่าว่า เขากำลังอยู่ระหว่างขับรถไปที่รัฐมิสซูรีจากบ้านพักเดิมของเขาในชิคาโกในวันจันทร์ (23) เมื่อตอนที่พบว่า จัสติน โบเยอร์ สามีของลูกความฝากข้อความทางโทรศัพท์ไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อแจ้งให้เขาทราบว่า “หน่วยงานสหรัฐฯได้ตกลงใช้ดุลยพินิจในนาทีท้ายที่สุด”
ด้าน ชอว์น นูดาเออร์ (Shawn Neudauer) โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯในวอชิงตันแถลงว่า ทางสำนักงานได้ปล่อยตัวนางโบเยอร์จากการคุมขัง และกำหนดให้เธอถูกคุมความประพฤติแทนในระหว่างที่ทางสำนักงานจะพิจารณาทบทวนคดีของเธอเพิ่มเติมต่อไป
ในช่วงบ่ายวันจันทร์ (23) โบเยอร์เดินทางจากชิคาโกมาถึงสนามบินแลมเบิร์ต ในเมืองเซนต์หลุยส์ ซึ่งเป็นสถานที่เธอถูกปล่อยตัวอย่างเป็นทางการ และได้พบกับสามี จัสติน โบเยอร์ ที่ยืนรอรับด้วยน้ำตา พร้อมกับช่วยเธอถือของใช้ส่วนตัวที่ถูกบรรจุในถุงตาข่ายขนาดเล็ก โดยคนทั้งคู่ได้สวมกอดและจูบก่อนจะเดินทางออกจากสนามบินเพื่อเดินทางกลับบ้านในฟาร์มิงตัน มลรัฐมิสซูรี ที่ห่างไปทางใต้ราว 120 กิโลเมตร นางโบเยอร์ถูกขังที่เรือนจำในลินคอล์น เคาน์ตี ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เรือนจำแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือห่างไปราว 100 กิโลเมตร โดยใช้เวลาขับรถราว 2 ชม. จากบ้านของคนทั้งคู่
“เมื่อดิฉันรู้ว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบิน (เพื่อดำเนินการเนรเทศ) ดิฉันเริ่มร้องไห้ส่งเสียงดัง” คมดาว โบเยอร์ ให้สัมภาษณ์ในคืนวันจันทร์ (23) ในสำนักงานทนายความของคาซาอีลี ที่เมืองเซนต์หลุยส์ และเธอเปิดเผยต่อว่า “มันเป็นเหมือนฝันร้าย” ที่น่าสยดสยอง
มีรายงานว่าชาวชุมชนในฟาร์มิงตัน รวมถึงเจ้าของร้านซีซี พิซซ่า (Cici Pizza) ที่โบเยอร์เคยทำงานด้วย ได้ออกมาชุมนุมเดินขบวนเรียกร้องให้ยกเลิกการเนรเทศเธอกลับไทย พร้อมกับมีแคมเปญรณรงค์ทางโซเชียลมีเดีย
“ดิฉันแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้รับความรักและการสนับสนุนจำนวนมากจากคนที่ดิฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนด้วยซ้ำ” โบเยอร์ กล่าวและเสริมต่อว่า “ดิฉันเพียงอยากกลับบ้านและกอดลูกๆ ของดิฉันเท่านั้น”
ด้านทนายของโบเยอร์ให้สัมภาษณ์ว่า “คดีนี้ยังไม่จบง่ายๆ” และเสริมว่า “นางโบเยอร์มีแผนที่จะเปลี่ยนสถานภาพจากการเป็นผู้มีสิทธิอาศัยในสหรัฐฯมาเป็นพลเมืองสหรัฐฯหลังจากที่คดีนี้ได้สิ้นสุดแล้ว”
ส่วน จารอด มาฮูริน (Jerrod Mahurin) อัยการเซนต์ฟรานซิส เคาน์ตี เจ้าของคดีให้สัมภาษณ์กับเดลี เจอร์นัล สื่อท้องถิ่นของปาร์ก ฮิล รัฐมิสซูรี ว่า ทั้งเขาและทนายความจำเลยจะยื่นขอให้ผู้พิพากษาไม่นำเอาคำสารภาพของเธอมารับฟัง โดยที่ทั้งอัยการและทนายจำเลยต่างระบุว่า เธอทำลงไปอย่างไม่ทันได้ตระหนักเต็มที่ว่า การรับสารภาพความผิดเช่นนี้ หมายความว่าเธอจะถูกเนรเทศ จะต้องถูกพรากจากครอบครัวของเธอ
