เอเอฟพี - อัยการแดนอิเหนาวันนี้ (24 มิ.ย.) กำลังหาลู่ทางให้ศาลตัดสินจำคุก กัปตันเรืออินโดนีเซียเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน ภายหลังที่เขาคลาดสายตาจากหญิงชาวญี่ปุ่น 7 คน ซึ่งกำลังดำน้ำสำรวจโลกใต้ทะเล จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน
อกุสตินุส บราตา กูซูมา คลาดสายตาจากหญิงชาวญี่ปุ่นกลุ่มนี้ ในบริเวณใกล้เกาะตากอากาศบาหลี เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะพายุเข้าฉับพลัน
ทีมกู้ภัยสามารถช่วยชีวิตนักดำน้ำหญิงไว้ได้ 5 คน ภายหลังที่พวกเธอต้องยึดเกาะปะการังอยู่นานถึง 3 วัน ในบริเวณที่อยู่ห่างจากจุดเริ่มต้นออกดำน้ำไปราว 20 กิโลเมตร
กูซูมา ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และบาดเจ็บ ยอมรับในการไต่สวนนัดล่าสุดว่า ภายหลังออกค้นหาผู้หญิงทั้ง 7 คนในพื้นที่โดยรอบได้ราว 1 ชั่วโมง เขาก็นำเรือออกไปเติมน้ำมัน
อัยการ นี โญมัน มาร์ตินี กล่าวกับศาลแขวงเดนปาซาร์ว่า “กัปตันเรือควรใส่ใจในความปลอดภัยของนักดำน้ำชาวญี่ปุ่นมากกว่านี้ แต่การที่เขาบึ่งเรือออกไปเติมน้ำมันแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ดังนั้นตอนที่พวกเธอโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำจึงไม่พบเรือลำที่พาพวกเธอมา”
“ด้วยเหตุนี้ นักดำน้ำชาวญี่ปุ่นจึงต้องลอยเคว้งคว้างในทะเล และบาดเจ็บจากแรงคลื่น ขณะที่มีสองคนในกลุ่มเสียชีวิต”
กูซูมาทำงานให้กับ “เยลโลว์ สกูบา” บริษัทนำเที่ยวดำน้ำบนเกาะบาหลี ซึ่งเป็นผู้วางแผนการเดินทางให้หญิงชาวญี่ปุ่นกลุ่มนี้ บริเวณน่านน้ำรอบหมู่เกาะนูซา เปนิดา และนูซา เลิมบงงัน ซึ่งอยู่ใกล้เคียง
ซาโอริ ฟุรุกาวะ ครูสอนดำน้ำชาวญี่ปุ่นของบริษัท เยลโลว์ สกูบา อยู่ในบรรดาหมู่ที่ได้รับการช่วยชีวิต เธอบอกเล่าความรู้สึกของเธอ ขณะยิงพลุเพื่อส่งสัญญาณให้กัปตันทราบ ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ
ฟุรุกาวะกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ภายหลังสภาพอากาศเลวร้ายลงอย่างฉับพลัน และคลื่นทวีความรุนแรง “ราวกับ (พวกเธออยู่ใน) เครื่องซักผ้า” เธอเล่าว่า ถูกกระแสน้ำรุนแรงพัดพาออกจากกลุ่มนักดำน้ำ
ร่างของ โชโกะ ทาคาฮาชิ ซึ่งดำเนินกิจการบริษัทนำเที่ยวดำน้ำร่วมกับสามี ถูกพบหลังเกิดเหตุราว 1 เดือน
นักดำน้ำชาวแดนอาทิตย์อุทัยอีกรายที่จบชีวิตในเหตุการณ์นี้คือ ริตสึโกะ มิยาตะ