เอพี/เอเจนซีส์ – ISIL กลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่รุกคืบยึดเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์เพิ่มขึ้นได้อีก 3 เมืองทางภาคตะวันตกของอิรักในวันเสาร์(21) ที่หนึ่งในนั้นเป็นเมืองชายแดนติดซีเรีย ด้านดิอินดิเพนเดนต์ สื่ออังกฤษรายงานวันอาทิตย์(22)ว่า เหล่านักรบญิฮาด ISILเคาะประตูบ้านชาวอิรัก ถามหาจำนวนผู้หญิงที่แต่งงานและโสดในบ้านเพื่อหาภรรยาให้กับเหล่านักรบอิสลามิสต์
ความคืบหน้าล่าสุดของสงครามยึดเมืองระหว่างกองทัพอิรักนิกายชีอะห์ภายใต้นายกรัฐมนตรีอิรัก นูรี อัลมาลิกี(Nouri al-Maliki)และกลุ่มมุสลิมติดอาวุธนิกายสุหนี่ที่รู้จักในนามรัฐอิสลามในอิรักและเลแวนต์ หรือ ISIL ที่กลุ่มติดอาวุธนิกายชีอะห์จำนวนหลายพันคนติดอาวุธครบเดินสวนสนามแสดงแสนยานุภาพเพื่อข่มขวัญ ISIL ในเมืองต่างๆทั่วอิรัก โดยสมาชิกกลุ่มมุสลิมติอาวุธชีอะห์จำนวนมากได้เคยต่อสู้กับกองทัพสหรัฐฯเมื่อ 5ปีมาแล้ว
เอพีรายงานเมื่อวานนี้(21)ว่า เมืองกออิม( Qaim) เมืองราวาห์ (Rawah) และเมืองอานาห์ (Anah) ในจังหวัดอันบาร์( Anbar )ทางตะวันตกของกรุงแบกแดด ถูกกลุ่ม ISIL เข้ายึดเพิ่มเติมสำเร็จหลังจากก่อนหน้านี้ในต้นปีที่กลุ่มติดอาวุธสุหนี่สามารถเข้ายึดเมืองฟาลลูจาห์ (Fallujah) และบางส่วของรามาดี( Ramadi)
การบุกยึดเมืองราวาห์ที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำยูเฟรทิสและเมืองอนาห์ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างออกไปดูเหมือนเป็นแผนการรบทางยุทธศาสตร์ของ ISILที่พุ่งเป้าไปที่เขื่อนหลักของอิรักในเมืองฮาดิตา(Haditha) ซึ่งสร้างในปี1986 ที่มีสถานีพลังงานไฮโดรลิกผลิตสามารถผลิตไฟฟ้าได้ราว 1,000 เมกะวัตต์ และหากเขื่อนแห่งนี้ถูกทำลายจะส่งผลร้ายต่อระบบกระแสไฟฟ้าทั่วอิรักและทำให้เกิดวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่
ด้านแหล่งข่าวอิรักเปิดเผยกับสื่อว่า กองทัพอิรักส่งกองทหารอย่างน้อย 2,000 นายกระจายกำลังปกป้องเขื่อนแห่งนี้จากกลุ่มอิสลามิสต์สุหนี่
ทั้งนี้ISILได้สร้างฐานกำลังขึ้นตลอดแนวพรมแดนอิรักติดซีเรีย และได้เดินทางข้ามไปมาระหว่างทั้งสองประเทศ แต่การเข้ายึดเมืองกออิมจะช่วยทำให้กลุ่มISILขนส่งอาวุธและยุทโธปกรณหนักข้ามไปยังสนามรบต่างๆในอิรักได้สะดวกขึ้น เอพีรายงานว่ากลุ่มกบฎซีเรียได้ยึดฐานกลุ่มติดอาวุธ ตลอดจนจุดตรวจส่วนใหญ่ที่อยู่ในฝั่งซีเรีย
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิรักได้เปิดเผยในวันเสาร์(21)ว่า กลุ่มอิสลามิสต์ISILได้เข้ายึดเมืองกออิม ที่ห่างร่วม 200 ไมล์ทางตะวันตกของกรุงแบกแดดหลังจากสังหารทหารอิรักราว 30 นายในการปะทะที่ยาวนานในวันศุกร์(20)
ด้านสื่ออังกฤษ ดิอินดิเพนเดนต์ รายงานในวันนี้(22)ว่า ประชาชนอิรักที่อาศัยในเมืองที่อยู่ใต้การควบคุมของISILที่ประกาศบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์แล้ว นักรบญิฮาดสุหนี่ยังได้เคาะประตูตามบ้านเรือนเพื่อค้นหาผู้หญิงที่จะเป็นเจ้าสาวของเหล่านักรบ โดยชาวเมืองไบจิ(Baiji)ที่อยู่ใกล้โรงงานกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศห่างไปทางเหนือของกรุงแบกแดด ซึ่งเป็นสมรภูมิสู้รบระหว่างกองทัพอิรักและISILเพื่อเข้าครอบครองโรงงานกลั่นน้ำมันแห่งนี้
สื่ออังกฤษรายงานว่า ชาวเมืองต่างหวาดกลัวมากเพราะนักรบISILต่างเคาะประตูบ้านเรือนเพื่อสอบถามจำนวนผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในบ้านแต่ละหลัง “ผมบอกพวกเขาว่ามีผู้หญิงแค่ 2 คนอาศัยในบ้านหลังนี้ และคนทั้งคู่แต่งงานแล้ว” อาบู ลาฮิด (Abu Lahid)ให้สัมภาษณ์และกล่าวต่อว่า “พวกเขาต่างกล่าวว่ามีนักรบญิฮาดจำนวนมากที่โสดและต้องการหาภรรยา และยืนยันต้องการเข้ามาภายในบ้านและถามหาบัตรประจำตัวของหญิงทั้งสองเพื่อตรวจดูสถานภาพสมรส”
ISIL อ้างว่า ได้สั่งให้กองกำลังไม่รบกวนชาวอิรักหากพวกเขาเป็นมุสลิมสุหนี่ แต่ทว่ามีหลายเมืองที่ไม่เป็นเช่นนั้น ในเมืองโมซุล พ่อค้าแม่ขายต่างถูกสั่งให้ลดราคาสินค้า และมีรายงานว่าหญิงชาวโมซุลพร้อมสามีถูกลงโทษโดยการโบยเพราะเธอสวมเพียงผ้าคลมหัว ไม่ใช่ผ้าคลุมนิขาบแบบคลุมอย่างมิดชิดทั้งตัว และในอีกหลายเมืองที่ตกภายใต้การควบคุมของกลุ่มISIL นักรบญิฮาดกำหนดการแต่งตัวของผู้หญิงท้องถิ่น ห้ามไม่ให้การชมโทรทัศน์ในร้านกาแฟ และห้ามสูบบุหรี่
นอกจากนี้ยังพบร่องรอยการไม่ลงรอยระหว่างกลุ่มติดอาวุธสุหนี่ISIL และกลุ่มติดอาวุธสุหนี่อื่นๆ โดยดิอินดิเพนเดนต์รายงานว่า กองทัพสุหนี่ติดอาวุธนาคชาบานดี(Naqshabandi)ที่อยู่ภายใต้การนำของอิซซาต อัล-ดูรี (Izzat al-Douri) อดีตอดีตรอง ผบ.ทหารอิรักของประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน แห่งอิรักได้ติดโปสเตอร์ซัดดัม ฮุสเซนทั่วโมซุล แต่ISILให้เวลา 24 ชม.ในการปลดออกหรือไม่ต้องรับถึงผลที่จะตามมา แต่กองกำลังสุหนี่ นาคชาบานดี ไม่อยากก่อสงครามปะทะด้วยจึงยอมทำตาม
และปรากฎการณ์แตกแยกระหว่างทั้งสองกลุ่มทำให้สถานีโทรทัศน์อิรักของรัฐบาลรายงานชี้ให้เห็นถึงการปริแยกครั้งนี้ แต่นี่คงเป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ เพราะเมืองสุหนี่ส่วนใหญ่ในอิรักที่ถูกISILเข้ายึด ชาวบ้านในเมืองเหล่านั้นต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า กลัวกองทัพของรัฐบาลอิรักหวนกลับมามากกว่าการปรากฎตัวของISIL
