เอเอฟพี/รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีของอิรักไล่ออกเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูง 4 รายในวันอังคาร (17 มิ.ย.) ในนั้นรวมถึงผู้บัญชาการทหารในจังหวัดไนน์เวห์ ที่สูญเสียการควบคุมแก่พวกหัวรุนแรง ขณะที่พวกนักรบอิสลามิสต์ชาวสุหนี่ยังคงรุกคืบเข้าใกล้แบกแดดทุกที ท่ามกลางคำเตือนของยูเอ็นว่าประเทศแห่งนี้เสี่ยงต่อการแตกสลาย
ในถ้อยแถลงของรัฐบาลที่อ่านออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านั้นซึ่งรวมถึง พล.ท.เมห์ดี ซาบาห์ การอวี ผู้บัญชาการทหารของจังหวัดไนน์เวห์ ดินแดนที่นักรบสุหรี่เข้าควบคุมพื้นที่ไว้ได้ ถูกไล่ออกเนื่องจากล้มเหลวต่อการทำหน้าที่ พร้อมบอกต่อว่านายไฮดายัต อับดุลราฮีม ผู้บัญชาการทหารอีกคน ซึ่งหลบหนีการสู้รบจะถูกดำเนินคดีในศาลทหารในการพิจารณาคดีลับหลังจำเลย
คำสั่งไล่ออกนี้มีขึ้นหลังจากพบว่าทหารและตำรวจจำนวนมากละทิ้งหน้าที่หลบหนีกันเป็นกลุ่มโดยถอดเครื่องแบบและทิ้งยานพาหนะทหารเอาไว้ ขณะที่พวกนักรบบุกจู่โจมโมซุล เมืองหลวงของจังหวัดไนน์เวห์ซึ่งมีประชากร 2 ล้านคน
ถึงแม้เจ้าหน้าที่อิรักยืนกรานว่าสามารถสกัดกั้นการรุกคืบของพวกนักรบอิสลามิสต์ที่นำโดยกลุ่ม “รัฐอิสลามในอิรักและเลแวนต์” (Islamic State in Iraq and the Levant หรือ ISIL และก็มีผู้ที่เรียกขานว่า รัฐอิสลามในอิรักและอัลชาม Islamic State in Iraq and al-Sham ใช้อักษรย่อว่า ISIS) แต่ในความเป็นจริงอิรักยังคงเสียพื้นที่เพิ่ม โดยมีรายงานยืนยันตั้งแต่วันจันทร์ (16) ISIL สามารถยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองตัล อาฟาร์ ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์ทางเหนือติดกับชายแดนซีเรีย ที่ประชนชนส่วนใหญ่เป็นชาวชีอะห์
ในวันอังคาร (17) เจ้าหน้าที่อิรักเปิดเผยว่า นักรบอิสลามสามารถเข้ายึดพื้นที่บางส่วนในเมืองบากูบา ที่อยู่ห่างจากแบกแดดไม่ถึง 60 กิโลเมตรได้เป็นช่วงสั้นๆ ก่อนถูกกองกำลังความมั่นคงโต้ตอบจนถอยร่นกลับไป กระนั้นนี่นับเป็นสนามรบที่ใกล้แบกแดดมากที่สุดในแผนการโจมตีแบบกระชับฉับไวของ ISIL ซึ่งประกาศเป้าหมายในการบุกเข้าสู่แบกแดดและคาร์บาลา เมืองศักดิ์สิทธิ์ของนิกายชีอะห์ทางตอนใต้ลงมา
วิกฤตนี้ส่งผลให้ประชาชนหลายแสนคนต้องทิ้งถิ่นฐาน และกระตุ้นความกังวลว่า การผลิตน้ำมันของอิรักอาจได้รับผลกระทบ ควบคู่กับความหวาดวิตกว่า กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลกลางอาจไม่สามารถต้านทานไม่ให้ ISIL บุกเข้าถึงเมืองหลวง
การรุกคืบอย่างรวดเร็วของนักรบอิสลามิสต์สุหนี่เช่นนี้ยังกระตุ้นความกังวลของนานาชาติ โดยนิกโคเลย์ เอ็มลาดีนอฟ ผู้แทนของสหประชาชาติ ในแบกแดดเตือนว่า อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของอิรักกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา และทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางอยู่ในอันตรายร้ายแรง
ความรุนแรงกระพือความตึงเครียดไปทั่วภูมิภาค ด้วยเมื่อวันอังคาร (17) อิรักกล่าวหาชาติเพื่อนบ้านอย่างซาอุดีอาระเบียอยู่ข้างพวกก่อการร้ายและอยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนทางการเงินกับพวกนักรบ ความเห็นนี้มีเพียง 1 วันหลังจากซาอุดีอาระเบียซึ่งมีชาวสุหนี่เป็นชนกลุ่มใหญ่กล่าวโทษนโยบายแบ่งแยกทางศาสนาของรัฐบาลสุหนี่อิรักว่าเป็นต้นตอของเหตุไม่สงบ
นายเนชีร์วัน บาร์ซานี นายกรัฐมนตรีเขตปกครองตนเองชาวเคิร์ดในอิรักมองว่า สถานการณ์ความรุนแรงในอิรักขณะนี้ยากจะหาทางออกได้และยากที่จะกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ หากนายนูรี อัล มาลิกี ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอิรัก และเสนอว่าการตั้งเขตปกครองตนเองชาวสุหนี่ในอิรักอาจเป็นทางออกในเรื่องนี้
สัญญาณแห่งการล่มสลายของกองกำลังความมั่นคงอิรักตามหลังฝ่ายนักรบรุกคืบเข้ามาเรื่อยๆ เป็นผลให้รัฐบาลต่างชาติเริ่มถอนเจ้าหน้าที่ทูตออกมา ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ บอกว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหาร 275 คนไปยังอิรักเพื่ออารักขาสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯในแบกแดด และให้ความช่วยเหลือพลเมืองอเมริกัน โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมด “ติดอาวุธพร้อมต่อสู้” แต่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการสู้รบโดยตรง
ในขณะที่อเมริกากำลังพิจารณาว่าจะเดินแผนการในอนาคตต่อไปอย่างไรอยู่นี้ ทางด้าน จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ออกมากล่าวถึงความเป็นไปได้ในการใช้อากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ทำการโจมตีในอิรัก
นอกจากนั้น ถึงแม้วอชิงตันยังปฏิเสธว่าจะไม่มีการร่วมมือทางทหารกับอิหร่าน แต่ประเทศทั้งสองที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกันมากว่า 30 ปี ก็ได้พบหารือช่วงสั้นๆ เกี่ยวกับวิกฤตการณ์อิรัก ในระหว่างการประชุมนานาชาติว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านในกรุงเวียนนาเมื่อวันจันทร์