รัสเซียกร้าวไม่คุยเรื่องก๊าซกับยูเครนอีก จนกว่าจะยอมจ่ายหนี้

เอเอฟพี - รัสเซียเมื่อวันจันทร์(16) ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาในประเด็นก๊าซกับยูเครนอีกแล้ว จนกว่าเคียฟจะยอมชำระหนี้ค่าก๊าซ และเตือนว่าจะหันเหทิศทางการส่งออกหากยูเครนพยายายามยักย้ายถ่ายเทก๊าซที่พวกเขาส่งมอบแก่ยุโรป

รัสเซียตัดการส่งออกไปยังยูเครน หลังจากมอสโกปฏิเสธข้อตกลงประนีประนอมและเริ่มระงับการส่งก๊าซให้แก่เคียฟตั้งแต่วันจันทร์ (16 มิ.ย.) กลายเป็นข้อพิพาทล่าสุดที่ทำให้ความสัมพันธ์ตะวันตก-ตะวันออกร้าวลึกยิ่งขึ้น

"สืบเนื่องจากจุดยืนที่ไม่สร้างสรรค์ของยูเครน จึงไม่มีความจำเป็นต้องปรึกษาหารือกับสหภาพยุโรปอีก" นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมตรีพลังงานรัสเซียกล่าว

ระหว่างการเจรจากัน เคียฟแสดงความพร้อมชำระเงิน 1,950 ล้านดอลลาร์ตามที่ถูกเรียกร้อง หากรัสเซียยอมลดราคาลงจาก 485.50 ดอลลาร์ต่อ 1,000 ลูกบาศก์เมตร เหลือ 326 ดอลลาร์ ทว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยืนกรานว่า 385 ดอลลาร์คือข้อเสนอสุดท้าย

กุนเธอร์ เอตทิงเกอร์ กรรมาธิการพลังงานสหภาพยุโรป (อียู) พยายามประนีประนอมด้วยการเสนอให้เคียฟจ่ายเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ในวันจันทร์ และผ่อนชำระหนี้ที่เหลือเป็นงวดๆ จนถึงสิ้นปี รวมทั้งเสนอให้ยูเครนยอมรับราคาสุดท้ายของปูติน และรอให้ราคาลดลงเองจนต่ำกว่า 300 ดอลลาร์ในช่วงฤดูร้อนที่มีการใช้พลังงานน้อย ซึ่งปรากฏว่าทางยูเครนยอมรับข้อเสนอนี้ ทว่ารัสเซียกลับปฏิเสธ

ครั้นแล้ว กาซปรอม รัฐวิสาหกิจผลิตก๊าซของรัสเซีย จึงประกาศให้ยูเครนเปลี่ยนมาใช้ระบบชำระเงินก่อนล่วงหน้าแล้วจึงจะจัดส่งก๊าซให้ เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันจันทร์ ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 13.00 น. ตามเวลาเมืองไทย) ซึ่งเท่ากับระงับการจัดส่งทั้งหมดโดยปริยาย เนื่องจากเคียฟยังไม่ได้ชำระเงินล่วงหน้าให้แก่มอสโกเลย

เอตทิงเกอร์ เตือนว่าทางหภาพยุโรปหากเผชิญกับปัญหาขาดแคลนก๊าซในช่วงฤดูหนาวนี้หากยูเครนมีความตั้งใจยักย้ายถ่ายเถก๊าซที่ส่งมอบมายังกลุ่ม 28 ชาติสมาชิก เหมือนที่เคยทำมา 2 ครั้งก่อนหน้านี้ในช่วงทศวรรษที่แล้ว

ด้านอเล็กเซ มิลเลอร์ ประธานของกาซปรอม บอกว่ารัสเซียจะจับตาสถานการณ์อย่างระมัดระมัดระวัง และอาจปรับเพิ่มการลำเลียงก๊าซในเส้นทางอื่นๆแทน หากว่ายูเครนพยายามยักย้ายถ่ายเทก๊าซที่ตั้งใจส่งมอบแก่ผู้บริโภคในอียู ขณะที่ทางโฆษกของกาซปรอม ยืนยันในตอนนี้การลำเลียงก๊าซสู่ลูกค้ายุโรปยังคงเป็นไปตามสัญญาดั้งเดิมอย่างครบถ้วน

ก๊าซจากรัสเซียนั้นเท่ากับปริมาณพลังงานราวครึ่งหนึ่งซึ่งยูเครนใช้อยู่ ขณะที่ก๊าซรัสเซียที่ส่งผ่านยูเครนไปยังชาติอื่นๆ ก็คิดเป็นปริมาณพลังงานราว 15% ของที่ใช้ในยุโรป ข้อเท็จจริงนี้เองที่กระตุ้นให้เอตทิงเกอร์ต้องรีบเสนอตัวมาเป็นคนกลางเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งดังกล่าว

ความล้มเหลวของการเจรจา กลายเป็นการเพิ่มปัญหาใหม่แก่เหล่าผู้นำฝักใฝ่ยุโรปของเคียฟ ขณะที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเหตุความไม่สงบแบ่งแยกดินแดนมานานกว่า 2 เดือน ที่กำลังคุกคามความอยุ่รอดของชาติอดีตสหภาพโซเวียตแห่งนี้