เอเจนซีส์ – สหรัฐฯและออสเตรเลียเพิ่มกำลังทหารคุ้มกันสถานทูตในกรุงแบกแดดอย่างเข้มงวด พร้อมสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ติดภารกิจจำเป็น ในขณะที่กองทัพอิรักกำลังต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์นิกายซุนนีที่บุกยึดเมืองตอนเหนือของประเทศ
จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเมื่อวานนี้(15)ว่า “บุคลากรของกระทรวงกลาโหมกำลังคุ้มกันทรัพย์สินของกระทรวงการต่างประเทศในกรุงแบกแดด” ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันรายหนึ่งชี้ว่า มีทหารจากหน่วยนาวิกโยธินและอื่นๆ เข้าร่วมปฏิบัติการนี้เกือบ 100 นาย
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศอพยพเจ้าหน้าที่บางส่วนออกจากสถานทูตในกรุงแบกแดด และเพิ่มมาตรการคุ้มกันความปลอดภัยสถานทูตอย่างเข้มงวด
“จะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคงมายังสถานทูตในกรุงแบกแดด ส่วนเจ้าหน้าที่อื่นๆ จะถูกอพยพชั่วคราวไปยังสถานกงสุลใหญ่ในเมืองบาสราและเมืองอาร์บิล และไปยังหน่วยสนับสนุนอิรักในกรุงอัมมาน”
ขณะเดียวกัน สถานทูตอเมริกันในกรุงแบกแดดก็ได้ประกาศทบทวนอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ แต่ยืนยันว่า “เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่” จะยังปฏิบัติงานกันตามปกติ
เพนตากอน ระบุว่า การอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตจะใช้เครื่องบินพาณิชย์, เครื่องบินเช่าเหมาลำ และเครื่องบินของกระทรวงการต่างประเทศเองเป็นหลัก แต่กองทัพสหรัฐฯก็พร้อมที่จะส่งอากาศยานไปช่วยเคลื่อนย้ายบุคลากรและทรัพย์สินหากมีความจำเป็น เหมือนเช่นที่ผ่านมาในอดีต
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แนะนำให้ชาวอเมริกันในอิรักใช้ความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยัง 5 จังหวัดที่มีการสู้รบ เช่น จังหวัดอันบาร์ทางตะวันตกและเคอร์คุกทางตอนเหนือ นอกจากนี้ยังขอให้พลเมืองลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “สมาร์ท ทราเวลเลอร์” ซึ่งจะช่วยให้สถานทูตสหรัฐฯ สามารถติดต่อกับพวกเขาได้ในยามฉุกเฉิน
ด้านออสเตรเลียก็ได้ประกาศอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตในกรุงแบกแดดบางส่วนแล้วในวันนี้(16)
“เนื่องจากสถานการณ์ความมั่นคงในอิรักเลวร้ายลง จึงมีการอพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตบางส่วนออกจากรุงแบกแดด... อย่างไรก็ตาม สถานทูตออสเตรเลียจะยังเปิดให้บริการตามปกติด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ที่ลดลง” กระทรวงกิจการต่างประเทศและพาณิชย์แดนจิงโจ้ ระบุในถ้อยแถลง
“สำหรับพลเมืองออสเตรเลียในอิรักควรรีบเดินทางออกมาก่อน ในขณะที่เที่ยวบินพาณิชย์ยังไม่ได้รับผลกระทบ”
ผู้บัญชาการทหารอิรักแถลงวานนี้(15)ว่า กองกำลังของรัฐบาลสามารถตีโต้กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามในอิรักและเลแวนต์ (ISIL) และยึดคืนเมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือได้แล้ว 2 เมือง แต่ขณะเดียวกันก็ได้พบเห็นภาพที่น่าสยดสยองมากมาย เช่น นักรบอิสลามิสต์ได้ประหารชีวิตสมาชิกกองกำลังความมั่นคงอิรักที่จับได้ และพบศพตำรวจ 12 คนถูกเผาทิ้งไว้ในเมืองอิชฮากีของจังหวัดซาลาเฮดดิน เป็นต้น