เอเอฟพี – กระทรวงสาธารณสุขแอลจีเรียแถลงวานนี้(10)ว่า ชายชาวแอลจีเรียวัยย่างเข้าเลข 6 เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) แล้ว ซึ่งนับเป็นกรณีการเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสชนิดนี้รายแรกในประเทศ
เหยื่อเชื้อมรณะวัย 59 ปีเป็นหนึ่งในผู้ป่วย 2 กรณีแรกที่ติดเชื้อไวรัสกลุ่มโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ซึ่งถูกพบในแอลจีเรียเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
ชายทั้ง 2 คนพึ่งกลับมาจากการแสวงบุญที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของมุสลิมในซาอุดีอาระเบีย ประเทศที่มีการรายงานผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคนี้มากที่สุด
ชายที่ไม่ได้ระบุนามผู้นี้เสียชีวิตหลังจากเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนาน 11 วันในเมืองตเลมเซนที่อยู่ห่างจากกรุงแอลเจียร์ไปทางตะวันตก 600 กิโลเมตร หลังระบบการทำงานที่สำคัญในร่างกายล้มเหลวในช่วงกลางดึกของวันจันทร์(9)ที่ผ่านมา
กรณีของผู้ติดเชื้อรายที่ 2 อายุ 66 ปี ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองโคเลียใกล้กับกรุงแอลเจียร์ และอาการของเขากำลังทุเลาลง กระทรวงสาธารณสุขแถลง
ประเทศอื่นๆ รวมไปถึง อียิปต์ จอร์แดน เลบานอน อิหร่าน เนเธอร์แลนด์ส สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐฯ ก็ต่างมีรายงานผู้ติดเชื้อ ซึ่งเหยื่อเหล่านี้ส่วนมากเคยเดินทางไปที่ซาอุดีอาระเบียมา
เชื้อไวรัสMERS แม้เป็นเชื้อที่อันตรายถึงชีวิตแต่แพร่เชื้อถึงกันได้ยากกว่าเชื้อมรณะในตระกูลเดียวกันอย่างเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือ ”ซาร์ส” (SARS) ที่ปรากฏขึ้นในเอเชียเมื่อปี 2003 และคร่าชีวิตคนไปหลายร้อย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในจีน
ไวรัส MERS ทำให้ทำให้ผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อในปอดคล้ายกับซาร์ส ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการไออย่างทรมาน หายใจลำบาก เป็นไข้ แต่ก็มีข้อแตกต่างที่ว่าMERSยังเป็นสาเหตุของอาการไตวายเฉียบพลันอีกด้วย
นับตั้งแต่MERSปรากฏขึ้นครั้งแรกในปี 2012 จนถึงตอนนี้ก็ได้คร่าชีวิตคนในซาอุดิอาระเบียไปแล้ว 284 ราย และยังมีผู้ติดเชื้อมากกว่านั้นอีกหลายร้อยคน
ผู้แสวงบุญชาวมุสลิมจากทั่วโลกกำลังหลั่งไหลมาสู่ ”นครศักดิ์สิทธิ์เมกกะ” ในซาอุดีอาระเบีย โดยมิได้พรั่นพรึงต่อการระบาดของเชื้อไวรัสมรณะนี้
จากการวิจัยชี้ว่า ไวรัสชนิดนี้น่าจะอยู่ในอูฐมาเป็นเวลาอย่างน้อย 20 ปีแล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมนักวิจัยเผยว่า พวกเขาได้ค้นพบหลักฐานโดยตรงชิ้นแรกที่พิสูจน์ว่าเชื้อไวรัสMERSสามารถแพร่จากอูฐสู่มนุษย์ได้โดยตรง
