เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยในวันอังคาร (10 มิ.ย.) โดยระบุจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะ “อีโบลา” ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 400 รายแล้ว ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตจากการตกเป็นเหยื่อของไวรัสที่ยังไม่มีหนทางรักษาชนิดนี้ไปแล้วอย่างน้อย 231 ราย
รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลกระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาใน 3 ประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก คือ กินี ไลบีเรีย และเซียร์รา ลีโอน ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วอย่างน้อย 400 ราย และในจำนวนนี้มี 231 รายต้องเสียชีวิต
โดยใน กินี ซึ่งเป็นประเทศต้นตอของการระบาด มีการยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตไว้ที่อย่างน้อย 200 ราย นับแต่พบการระบาดของเชื้ออีโบลาครั้งแรกในเขตป่าลึกทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก่อนจะลุกลามเข้าสู่เขตเมืองทั่วประเทศ รวมถึงกรุงโกนากรีที่เป็นเมืองหลวง
ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่อย่างน้อย 400 ราย และผู้เสียชีวิตที่อย่างน้อย 231 ราย ส่งผลให้การระบาดของไวรัสอีโบลาในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกกลายเป็นการระบาดครั้งที่รุนแรงที่สุดของเชื้อมรณะชนิดนี้ นับตั้งแต่การระบาดที่เขตกูลู ในประเทศยูกันดาเมื่อปี 2000 หรือ 14 ปีก่อน ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อ 425 คน และมีผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นไป 224 คน
ในอีกด้านหนึ่ง องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders) หน่วยงานให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระดับโลกซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 1971 และมีฐานอยู่ในนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ ออกคำแถลงที่ระบุว่า องค์กรของตนมีความจำเป็นต้องถอนตัวออกจากการปฏิบัติภารกิจให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้ออีโบลาในประเทศกินี ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ขององค์กรตกเป็นเป้าการทำร้ายร่างกายจากชาวบ้านที่กล่าวหาว่ากลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน คือผู้อยู่เบื้องหลังการนำเชื้อไวรัสมรณะอีโบลาเข้ามาแพร่กระจายในพื้นที่
