เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้วิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะ “อีโบลา” ที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก เป็นผลสืบเนื่องจาก “ความหย่อนยาน” ในการบังคับใช้มาตรการป้องกัน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสที่ยังไม่มีหนทางรักษาชนิดนี้ ล่าสุดได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 528 รายแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้มี 337 รายที่เสียชีวิตแล้ว
ปิแอร์ ฟอร์เมนตี ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาขององค์การอนามัยโลก เผยในวันเสาร์ (21) โดยระบุ ความหย่อนยานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและมาตรการเชิงป้องกันที่ไม่มีประสิทธิภาพส่งผลให้เชื้ออีโบลาแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว จากเขตป่าลึกอันห่างไกลทางภาคใต้ของกินีเข้าสู่เขตเมือง รวมถึงการลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง ทั้งเซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย
ฟอร์เมนตียังเตือนว่า การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาใน 3 ประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีความรุนแรงมากกว่าที่หลายฝ่ายรวมถึง WHO ประเมินไว้ และยอมรับว่าการเดินทางเคลื่อนย้ายของประชาชนในระหว่างประเทศทั้งสาม คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความพยายามในการควบคุมและจำกัดวงการระบาดของเชื้ออีโบลาทำได้ด้วยความยากลำบาก
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดของ WHO ระบุว่า จนถึงขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาในกินี ไลบีเรียและเซียร์ราลีโอน ได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 528 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มี 337 รายที่เสียชีวิตแล้ว
ขณะที่แพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากทั้ง WHO และกลุ่ม “แพทย์ไร้พรมแดน” ที่มีจำนวนระหว่าง 100-160 คนกำลังทำงานอย่างหนักอยู่ในพื้นที่ เพื่อหาทางยับยั้งการแพร่ระบาด โดยมีรายงานว่าการทำงานในช่วงที่ผ่านมาสามารถลดอัตราการเสียชีวิต โดยเฉพาะที่กรุงโกนากรี เมืองหลวงของกินีลงได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์
