สื่อรัฐบาลจีนชี้ “ไทย-ยูเครน” เป็นตัวอย่างความล้มเหลวของ “ประชาธิปไตยแบบตะวันตก”

รอยเตอร์ - หนังสือพิมพ์ พีเพิลส์ เดลี ของจีนฉบับวันนี้ (9) เตือนประชาชนอย่าลุ่มหลง “ประชาธิปไตยแบบตะวันตก” แนะให้ดูเหตุจลาจลทางการเมืองในไทยและยูเครนเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ

การก้าวสู่อำนาจของประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ทำให้ชาวจีนส่วนใหญ่คาดหวังจะได้เห็นการปฏิรูปทางการเมือง เนื่องจากบุคลิกของ สี่ ที่เป็นคนเรียบง่าย ติดดิน และยังเป็นบุตรชายของ สี่ จงซุน อดีตรองนายกรัฐมนตรีจีนผู้เป็นนักการเมืองสายปฏิรูป

อย่างไรก็ตาม สารที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ประกาศออกมานับตั้งแต่ สี่ จิ้นผิง เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว บ่งบอกชัดเจนว่าเสรีภาพทางการเมืองในจีนจะยังไม่เกิดขึ้นง่ายๆ

รัฐบาลจีนสั่งคุมเข้มความปลอดภัยในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนจะถึงวันครบรอบ 25 ปีเหตุนองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยมีการจับกุมผู้ต่อต้านและควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด

พีเพิลส์ เดลี ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เผยแพร่บทความแสดงความคิดเห็นในฉบับวันนี้ (9) ว่า จีนจำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้ตก “หลุมพราง” ของระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตก

“การเดินขบวนประท้วง และเหตุปะทะบนท้องถนนซึ่งเกิดจากปัญหาทางการเมืองทั้งในกรุงเคียฟและกรุงเทพมหานครในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ เป็นภาพที่น่าเศร้ายิ่งนัก” พีเพิลส์ เดลี ระบุ

“หากลองย้อนไปพิจารณา “การปฏิวัติสี” (colour revolutions) ที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราจะไม่กล่าวได้อย่างไรว่าจงดีใจเถิดที่เรายังยึดมั่นในระบอบสังคมนิยมและคุณลักษณะเฉพาะของจีนเอาไว้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว จีนจะยังสงบสุขอยู่ได้หรือ”

“ตั้งแต่เอเชียตะวันตกเรื่อยไปจนถึงแอฟริกาเหนือ หลายประเทศตกเป็นเหยื่อความสับสนบ้าคลั่งของระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตก ซึ่งไม่เคยนำความสุขหรือเสถียรภาพมาสู่บ้านเมืองเลย”

“ในรัฐสภาอังกฤษทุกวันนี้ก็ยังมีการสืบทอดอำนาจตามสายตระกูล สำหรับชาวจีนแล้ว เรื่องเช่นนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้” พีเพิลส์ เดลีระบุ พร้อมเสริมว่าจีนควรจะยึดมั่นในแนวทางของตนเองต่อไป

ประธานาธิบดีสี่ จิ้นผิง เคยกล่าวที่เบลเยียมเมื่อเดือนเมษายนว่า จีนเคยทดลองใช้ระบบการเมืองมาแล้วหลายอย่าง รวมถึงระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรค ทว่าก็ไม่ประสบความสำเร็จ พร้อมเตือนว่าความพยายามเลียนแบบระบอบการเมืองหรือการพัฒนาของประเทศอื่นอาจนำมาซึ่ง “หายนะ”

รัฐธรรมนูญจีนรับรองให้พรรคคอมมิวนิสต์มีฐานะเป็นผู้นำรัฐบาล และแม้จะอนุญาตให้มีพรรคเล็กๆ อยู่ได้ในรูปแบบของ “ความร่วมมือหลายพรรค” (multi-party cooperation system) ทว่าต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคคอมมิวนิสต์