เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ทางการออสเตรเลียรับลูก ตรวจสอบข้อมูลจากหญิงชาวอังกฤษที่เป็นนักล่องเรือยอชต์ ซึ่งระบุว่า ได้เห็นเครื่องบินซึ่งน่าจะเป็นเที่ยวบิน MH370 ไฟลุกไหม้เหนือมหาสมุทรอินเดีย ขณะเรือของเธอเดินทางมุ่งหน้าสู่เกาะภูเก็ตของไทย ส่วนในอีกด้านหนึ่ง แดนจิงโจ้ก็ประกาศเปิดประมูลว่าจ้างทำโครงการค้นหาเบาะแสเครื่องบินลำนี้ใต้ทะเลลึก 6,000 เมตร โดยที่การปฏิบัติการจะเริ่มต้นเดือนสิงหาคมนี้
สำนักงานความปลอดภัยในการขนส่งของออสเตรเลีย (ATSB) ซึ่งกำลังเป็นแกนนำการค้นหาเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สในเที่ยวบิน MH370 ตามคำขอของรัฐบาลมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันพุธ (4 มิ.ย.) ว่า ได้ส่งข้อมูลจากคำบอกเล่าของนักล่องเรือยอชต์หญิงชาวอังกฤษที่เชื่อว่า เห็นเครื่องบินลุกไหม้กลางอากาศเหนือมหาสมุทรอินเดียในคืนที่ MH370 หายไป ต่อไปให้ “คณะทำงานยุทธศาสตร์การค้นหา MH370” ตรวจสอบแล้ว
เที่ยวบินดังกล่าวได้สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมพร้อมกับลูกเรือและผู้โดยสาร 239 คน จากข้อมูลดาวเทียมและระบบเรดาร์ ทำให้เชื่อว่า เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 ลำนี้ได้เปลี่ยนเส้นทางโดยปราศจากคำอธิบายระหว่างบินจากกัวลาลัมเปอร์มุ่งหน้าปักกิ่ง และในที่สุดแล้วได้ตกลงในบริเวณตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย อย่างไรก็ตาม การติดตามค้นหานับตั้งแต่ที่มันสาปสูญ ยังไม่พบเบาะแสยืนยันชัดเจนใดๆ ไม่ว่าบนพื้นผิวน้ำ หรือใต้ทะเลลึกถึง 4,500 เมตร
เมื่อวันพุธ ATSB ยังได้เปิดการประมูลเพื่อว่าจ้างผู้รับเหมาดำเนินโครงการค้นหาใต้ทะเลในระดับลึกถึง 6,000 เมตร โดยที่ผู้ชนะประมูลจะได้เป็นผู้ทำสัญญาหลัก เพื่อใช้ความเชี่ยวชาญ เครื่องมืออุปกรณ์ ตลอดจนเรือที่จำเป็น เข้าทำการรค้นหา MH370 ต่อไปอีก ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้
ATSB ระบุว่า ผู้ชนะประมูลจะใช้ข้อมูลจากการสำรวจชั้นความลึกของมหาสมุทร ซึ่งเรือของหลายชาติกำลังดำเนินการอยู่ เพื่อเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติการในพื้นที่ค้นหา ซึ่งมีความลึกลดหลั่นกันไปตั้งแต่ 1,000 ถึง 6,000 เมตร
เวลานี้ทีมงานนานาชาติกำลังพยายามจำกัดขอบเขตพื้นที่ค้นหา ซึ่งยังเป็นอาณาบริเวณกว้างขวางถึง 60,000 ตารางกิโลเมตร โดยอิงอาศัยข้อมูลซึ่งเที่ยวบินนี้ทำการสื่อสารครั้งสุดท้ายกับระบบดาวเทียมอินมาร์แซต
ทั้งนี้ คำบอกเล่าของ แคทเธอลีน ที หญิงชาวอังกฤษนักล่องเรือยอชต์วัย 41 ปี ถือเป็นข้อมูลล่าสุดที่เติมเข้ามาสู่การคาดเดากะเก็งเกี่ยวกับจุดตกของ MH370 โดยที่เธอแจ้งกับเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของออสเตรเลียในสัปดาห์นี้ว่า ระหว่างแล่นเรือยอชต์จากเมืองโคชิ ในอินเดียมุ่งหน้าสู่ภูเก็ตในเดือนมีนาคม เธอได้เห็นเครื่องบินลำหนึ่งเหนือมหาสมุทรอินเดียมีกลุ่มควันดำพวยพุ่งออกจากหาง
ในข้อความที่เขียนไว้บนครุสเซอร์ส ฟอรัม ซึ่งเป็นบริษัทที่เธอทำงานอยู่ด้วย ทีเสริมว่า มีเครื่องบินอีก 2 ลำบินอยู่เหนือเครื่องบินที่ลุกไหม้ แต่มุ่งหน้าไปคนละทิศทาง
“ฉันจำได้ว่า ตอนนั้นคิดว่าถ้าสิ่งที่ฉันเห็นคือเครื่องบินที่เกิดไฟไหม้จริงๆ เครื่องบินอีกสองลำน่าจะรายงานเรื่องนี้แล้ว”
ทีสำทับว่า ไม่ได้บอกใครในตอนนั้นเพราะเธอและสามีที่กำลังหลับอยู่ มีปัญหากันและไม่พูดกันนานประมาณหนึ่งสัปดาห์ และที่สำคัญที่สุดก็คือเธอไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็น ไม่เชื่อว่าตัวเองได้เห็นอะไรอย่างนั้นจริงๆ
แต่หลังจากตรวจสอบยืนยันตำแหน่งของเรือโดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียมระบุพิกัดตำแหน่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ ทีถึงรู้ว่า ทั้งตำแหน่งและช่วงเวลาที่เธออยู่ในขณะนั้น สอดคล้องกับทิศทางที่เป็นไปได้ของ MH370 จึงได้แจ้งข้อมูลให้ทางการทราบ
ทั้งนี้ ตำแหน่งสุดท้ายของ MH370 ที่เรดาร์ทหารจับได้คือ ประมาณๆ ทางตะวันตกของเกาะภูเก็ต ถึงแม้บริเวณค้นหาของทีมนานาชาติ อยู่ห่างไปทางใต้หลายร้อยกิโลเมตร เนื่องจากคาดกันว่าเครื่องบินได้บินต่อไปจนน้ำมันหมด
นอกเหนือจากคำบอกเล่าของนักล่องเรือยอชต์หญิงผู้นี้แล้ว ยังมีเบาะแสอีกกระแสหนึ่งจากทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเคอร์ติน ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ที่เปิดเผยเมื่อวันพุธ (4) ว่า สถานีนอกชายฝั่งเกาะร็อตต์เนสต์ ใกล้ชายฝั่งตะวันตกของแดนจิงโจ้ ตรวจพบเสียงใต้น้ำความถี่ต่ำเมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 8 มีนาคม ตามเวลามาตรฐานกรีนิช
อเล็ก ดันแคน จากศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลของเคอร์ติน ระบุว่า เสียงดังกล่าวอาจมาจาก MH370 ถึงแม้มีความเป็นไปได้มากกว่าว่า เสียงนั้นอาจจะมาจากธรรมชาติ เช่น การสั่นสะเทือนของพื้นผิวโลก