เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - เกาหลีใต้ตอบโต้ญี่ปุ่นในวันศุกร์ (30) ในข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ (29) ที่ประกาศยอมผ่อนคลายการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพื่อแลกกับการที่ต้องการให้มีการสอบสวนคดีลักพาตัวพลเมืองญี่ปุ่นจำนวน 13 คนไปศึกษาเพื่อฝึกสายลับใน 10 กว่าปีก่อนหน้านี้ โดยเน้นถึงความจำเป็นต้องรวมกำลังเพื่อกดดันเปียงยางเพื่อยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นที่ตั้ง
จากการที่นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นได้แถลงถึงความสำเร็จในข้อเสนอเมื่อวานนี้ (29) ว่า โตเกียวจะผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือหากเปียงยางตอบตกลงที่จะลงมือสอบสวนคดีพลเมืองถูกลักพาตัวจำนวน 13 คน เพื่อไปฝึกโครงการสายลับใหม่อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญไม่กี่วันหลังจากการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายที่สวีเดน และเป็นความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือที่มีต่อโลกภายนอกในช่วงเวลานานหลายเดือนที่ผ่านมา และเปิดเผยว่าเปียงยางตอบรับข้อเสนอเพื่อเหตุผลด้านมนุษยธรรม
“เราจะเดินหน้าไม่หยุดจนกว่าญาติจะได้สวมกอดลูกหลานของพวกเขา นี่เป็นก้าวแรกที่จะดำเนินการจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย” อาเบะให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อวานนี้ (29)
ในแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้แถลงว่า โซลรู้สึกซาบซึ้งที่ญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญต่อปัญหาการลักพาพลเมืองของตนที่เกิดขึ้นมานานแล้วเป็นอันดับต้น “รัฐบาลเกาหลีใต้ ในจุดของมนุษยธรรม เข้าใจจุดยืนญี่ปุ่นที่ใส่ใจต่อปัญหาการลักพาตัวพลเมืองของตน” กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้แถลง
แต่กระนั้นทางเกาหลีใต้ยังย้ำว่า ไม่ควรที่จะแสดงให้เห็นถึงรอยร้าวในจุดยืนร่วมกันเพื่อคว่ำบาตรเกาหลีเหนือระหว่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ในความจำเป็นที่ต้องทำให้มีการยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ “ทางเราจะยังคงจับตาการพบปะระหว่างเกาหลีเหนือและญี่ปุ่นต่อไปในประเด็นนี้” กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้แถลงต่อ
การคว่ำบาตรของญี่ปุ่นที่กำลังพิจารณาจะผ่อนคลายนั้นไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำคัญ รวมไปถึงการอนุญาตให้ชาวเกาหลีเหนือเดินทางเข้ามายังญี่ปุ่น รวมไปถึงอนุญาตให้เรือสัญชาติเกาหลีเหนือผ่านเข้ามายังท่าเรือญี่ปุ่นเพื่อมนุษยธรรม โดยหัวหน้าเลขาคณะ ครม. ญี่ปุ่น โยชิฮิเด ซูกะ ยืนยันว่า การผ่อนคลายมาตรคว่ำบาตรเกิดขึ้นในส่วนที่ญี่ปุ่นกำหนดขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ และจะยังคงพิจารณาต่อความสำเร็จในการสอบสวนคดีลักพาตัว และปัญหาภัยโครงการอาวุธนิวเคลียร์และการพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีเหนือก่อนที่ญี่ปุ่นจะเริ่มกลับมามีความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับปกติกับเกาหลีเหนือ
แต่การเสนอข้อตกลงนี้มีขึ้นในขณะที่ประชาคมโลกกำลังผลักดันให้มีการโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือทางเศรษฐกิจมากขึ้นมากกว่าจะผ่อนคลายให้เบาลงหลังจากมีแนวโน้มว่าเกาหลีเหนือจะทำการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 และอีกทั้งจะมีประโยชน์น้อยมากในการพัฒนาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่ได้ถึงจุดต่ำสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาจากปัญหาความบาดหมางมายาวนานตั้งแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้พยายามหาหนทางที่จะประสานไมตรีระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นโดยเป็นเจ้าภาพประชุม 3 ฝ่ายของสุดยอดผู้นำร่วมกับอาเบะ และ พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีหญิงเกาหลีใต้ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่กระนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศยังคงเย็นชา
ทั้งนี้ ในปี 2008 เกาหลีเหนือสัญญาที่จะเปิดการสอบสวนคดีการลักพาตัวใหม่ แต่ไม่เคยทำตาม และยังบิดพลิ้วคำสัญญาที่จะให้มีการประชุมหลายฝ่ายเพื่อหาข้อยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์