เอเอฟพี - ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศสเรียกร้องให้สหภาพยุโรปลดบทบาท “ที่ไม่จำเป็น” ลงบ้าง หลังผู้สมัครจากพรรคฝ่ายขวาและพรรคที่มีจุดยืนต่อต้านอียูสามารถกวาดที่นั่งในสภายุโรปได้มากเป็นประวัติการณ์ สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ต่อแวดวงการเมืองในยุโรป
จากปรากฏการณ์ที่พรรคเนชันแนล ฟรอนต์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัดของฝรั่งเศส และพรรค ยูเค อินดิเพนเดนซ์ ปาร์ตี (UKIP) ในอังกฤษคว้าชัยชนะครั้งสำคัญในศึกเลือกตั้งสภายุโรปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(25) ประธานาธิบดีออลลองด์ก็ออกมายอมรับว่า พลเมืองยุโรปส่วนใหญ่รู้สึก “ห่างเหินและไม่เข้าใจ” ความเป็นสหภาพยุโรป
“ภาวะเช่นนี้จะคงอยู่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ยุโรปจะต้องมีความเรียบง่าย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพในส่วนที่จำเป็น และลดบทบาทที่ไม่จำเป็นลงบ้าง” ออลลองด์แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์
ถ้อยแถลงของผู้นำฝรั่งเศสน่าจะสมใจบรรดาผู้ต่อต้านสหภาพยุโรป ซึ่งมองว่าบรัสเซลส์ก้าวก่ายกิจการภายในของชาติสมาชิกอื่นๆ มากเกินไป และคงจะเป็นที่ถูกใจของนักการเมืองอย่างนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ซึ่งเสนอให้ลดทอนอำนาจของสถาบันต่างๆ ในยุโรปลงบ้าง
อย่างไรก็ดี คำพูดของออลลองด์ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าฝรั่งเศสอาจพิจารณายึดอำนาจบางอย่างกลับคืนสู่รัฐบาลแต่ละประเทศ ก็สร้างความกังวลไม่น้อยต่อฝ่ายสนับสนุนอียู โดยเฉพาะเยอรมนีซึ่งเชื่อว่ายุโรปที่รวมเป็นหนึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย
พรรคโซเชียลลิสต์ของออลลองด์ ประสบความพ่ายแพ้อย่างน่าอับอายในศึกเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรปเมื่อวันอาทิตย์ (25) โดยได้คะแนนโหวตเพียงร้อยละ 14 ซึ่งถือว่าตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่พรรคเนชันแนล ฟรอนต์ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านผู้อพยพและชาวเซมิติก กลับคว้าคะแนนเสียงสูงสุดเกือบร้อยละ 25
ออลลองด์ย้ำว่า ฝรั่งเศสยังมุ่งมั่นที่จะแสดงบทบาทผู้นำในภูมิภาค แต่ก็ต้องยอมรับว่ามาตรการรัดเข็มขัดเข้มงวดที่ถูกบังคับใช้มาหลายปีคือปัจจัยสำคัญที่บั่นทอนบูรณภาพของยุโรป
“ผมเป็นชาวยุโรป หน้าที่ของผมคือการปฏิรูปฝรั่งเศส และปรับทิศทางของยุโรป (ไปในทางที่ถูกที่ควร)”
“แม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายุโรปจะฝ่าฟันวิกฤตยูโรโซนมาได้ แต่เราสูญเสียอะไรไปบ้างเล่า? มีแต่มาตรการรัดเข็มขัดที่ทำให้ประชาชนรู้สึกท้อแท้เท่านั้น”