เอเอฟพี - บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปเห็นชอบให้มีการทบทวนนโยบายสำคัญๆ ของอียู หลังมีสัญญาณอันตรายจากผลเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรปที่พรรคการเมืองขวาจัด หรือพวกต่อต้านอียู ได้คะแนนโหวตจากประชาชนมากเป็นประวัติการณ์
ระหว่างการประชุมวานนี้ (27 พ.ค.) ผู้นำยุโรปทั้ง 28 ชาติได้มอบหมายให้ เฮอร์มาน แวน รอมปุย ประธานสภายุโรป ทบทวนวัตถุประสงค์และปรับนโยบายสำคัญๆ ตั้งแต่การจ้างงานไปจนถึงเรื่องพลังงาน
ความเห็นของ แวน รอมปุย ซึ่งจะสรุปจากการหารือทวิภาคีร่วมกับรัฐบาลยุโรปแต่ละประเทศ และการประชุมร่วมกับสมาชิกสภายุโรป จะถูกนำเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียูครั้งถัดไปในเดือนมิถุนายน
“ประชาชนได้ส่งสารที่ชัดเจนมายังเรา” แวน รอมปุย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
ประธานสภายุโรป ระบุว่า เวลานี้ยุโรปเริ่มก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว จึงจำเป็นที่ต้องมีการพูดถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ, การจ้างงาน และศักยภาพในการแข่งขัน
แวน รอมปุย ย้ำว่า การตอบสนองอย่างจริงจังต่อปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงคือสิ่งจำเป็น และควรผลักดันให้มีการจัดตั้งสหภาพพลังงานขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากภายนอก
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ซึ่งเผชิญกระแสความลังเลสงสัยสหภาพยุโรปที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ ชี้ว่า “อียู เริ่มใหญ่โต จู้จี้ และแทรกแซงมากเกินไป จึงควรหันมาเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานบ้าง”
ด้านประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส ที่ขายหน้ายับเยินหลังจากที่พรรคโซเชียลลิสต์ของเขาต้องพ่ายแพ้แก่พรรคขวาจัด เนชันแนล ฟรอนท์ ในศึกเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป ก็เตือนให้รัฐบาลอื่นๆ “เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส”
สหภาพยุโรป 28 ประเทศได้จัดการเลือกตั้งเพื่อเฟ้นหาบุคคลที่เหมาะสมไปดำรงตำแหน่งผู้แทนในสภายุโรป ซึ่งผลโหวตที่ออกมาก็สะท้อนชัดเจนว่า พลเมืองส่วนใหญ่รู้สึกเอือมระอากับพิษเศรษฐกิจ, มาตรการรัดเข็มขัด, คลื่นผู้อพยพ และที่สำคัญที่สุดก็คือการแทรกแซงของบรัสเซลส์
หลายสิบปีมานี้แม้รัฐบาลต่างๆ จะพยายามสร้างความร่วมมือเพื่อยุโรปที่เป็นหนึ่งเดียว แต่ดูเหมือนพลเมืองยุโรปเองจะเริ่มเล็งเห็นแล้วว่า นี่อาจไม่ใช่คำตอบ
แม้ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการยังไม่ประกาศออกมา แต่นักวิเคราะห์คาดคะเนว่า พรรคต่อต้านอียูน่าจะได้ที่นั่งราวร้อยละ 20-25 ในขณะที่พรรคโปรอียูจะยังครองเสียงข้างมากในสภายุโรป