เอเจนซีส์ – พรรคการเมืองขวาจัดและพรรคที่ชูนโยบายต่อต้านสหภาพยุโรป (อียู) ในหลายประเทศ กวาดคะแนนเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในศึกเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป ซึ่งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสถึงกับยอมรับว่า ผลที่ออกมาเป็น “แรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่” สำหรับอียู
ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งใน 21 ประเทศสมาชิกอียูต่างออกไปใช้สิทธิ์เลือกบุคคลที่เหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่งสมาชิกสภายุโรปจำนวน 751 ที่นั่ง ส่วนอีก 7 ประเทศที่เหลือ เช่น อังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ ได้จัดการลงคะแนนไปแล้วตั้งแต่วันพฤหัสบดี(22) ที่ผ่านมา
ในบรรดาพรรคที่คว้าชัยชนะอย่างโดดเด่นที่สุดได้แก่ พรรค เนชันแนล ฟรอนท์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัดของฝรั่งเศส โดยได้คะแนนโหวตจากประชาชนมากถึงร้อยละ 26 หรือคิดเป็นจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ 4.1 ล้านเสียง
“ประชาชนทั้งหลายออกมาประกาศแล้วว่า... พวกเขาต้องการกุมชะตาชีวิตของตนเอง” มารีน เลอ แปน ประธานพรรค เนชันแนล ฟรอนท์ ระบุในถ้อยแถลง หลังทราบผลการเลือกตั้งซึ่งเธอบอกว่า “จะเป็นก้าวแรกของการเดินไปสู่อิสรภาพ”
พรรคของ เลอแปน ชูนโยบายกีดกันผู้อพยพและต่อต้านชาวเซมิติก เช่นเดียวกับพรรคการเมืองขวาจัดอื่นๆในยุโรป
นายกรัฐมนตรี มานูเอล วอลส์ แห่งฝรั่งเศส ได้แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์ว่า ชัยชนะของพรรคเนชันแนลฟรอนท์ “ไม่ใช่แค่ข่าวด่วน แต่เป็นแรงสั่นสะเทือน เป็นเสมือนแผ่นดินไหว” ขณะที่ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ก็ได้สั่งเรียกประชุมรัฐมนตรีเป็นการด่วนในวันนี้(26) ซึ่งสื่อฝรั่งเศสถึงกับใช้คำว่า “ประชุมในภาวะวิกฤต”
นักการเมืองและนักวิเคราะห์หลายคนเตือนว่า ทุกประเทศในยุโรปจะต้องช่วยกันรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ดังกล่าว
“พรรคการเมืองที่สนับสนุนการรวมกลุ่มสหภาพยุโรปจะต้องกลับมาคิดทบทวนอย่างจริงจังว่า อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ผลเลือกตั้งออกมาเป็นเช่นนี้” มาร์ติล ชุลซ์ จากพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยเยอรมนี ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสภายุโรปในปัจจุบัน กล่าว
กาย เวอร์ฮอฟสตัดต์ ผู้นำกลุ่มเสรีนิยมในสภายุโรป ก็ออกมายอมรับในทำนองเดียวกัน แต่ชี้ว่าสมาชิกสภายุโรปส่วนใหญ่ราว 2 ใน 3 “จะยังเป็นผู้ที่สนับสนุนอียู”
พรรค ยูเค อินดิเพนเดนซ์ ปาร์ตี (UKIP) ซึ่งชูนโยบายเพิ่มความเข้มงวดในการรับคนเข้าเมือง และต้องการให้สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ก็คว้าคะแนนเสียงไปได้ถึงร้อยละ 27 ใน 10 เขตที่นับคะแนนเสร็จสิ้นแล้ว รองลงมาได้แก่ผู้สมัครจากพรรคแรงงาน ส่วนพรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน นั้นรั้งอันดับ 3 ด้วยคะแนนโหวตเกือบร้อยละ 24
“ผมเชื่อว่าพรรค UKIP จะต้องชนะเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป และแน่นอนว่านี่จะเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทีเดียว เพราะไม่เคยมีมาก่อนที่พรรคการเมืองอังกฤษซึ่งถูกมองว่าเป็นพรรคกบฏจะกวาดคะแนนเสียงสูงสุดในสนามเลือกตั้งระดับชาติ” ไนเจล ฟาราจ หัวหน้าพรรค UKIP ให้สัมภาษณ์ พร้อมระบุว่า ตนไม่เพียงต้องการให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปเท่านั้น “แต่ยังต้องการให้ยุโรปออกจากความเป็นสหภาพด้วย”
ผลการนับคะแนนเบื้องต้นอย่างเป็นทางการที่ประกาศเมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์(26) ระบุว่า พรรค UKIP ได้คะแนนเสียงร้อยละ 30 สูงกว่าที่เคยได้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรปเมื่อปี 2009 ถึง 12 แต้ม
ในส่วนของอิตาลี, กรีซ และสเปน พรรคการเมืองฝ่ายซ้ายยังกวาดคะแนนได้เป็นส่วนใหญ่
ชัยชนะของบรรดาพรรคต่อต้านอียูทำให้เกิดความกังวลว่า สภายุโรปอาจจะตกเป็น “ตัวประกัน” ทางการเมือง อาจเกิดความพยายามบ่อนทำลายสหภาพยุโรปจากภายใน แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่ายังไม่มีความเสี่ยงถึงขั้นนั้น เนื่องจากกลุ่มพรรคอนุรักษ์นิยม ยูโรเปียน พีเพิลส์ ปาร์ตี (อีพีพี) และกลุ่มสังคมนิยมจะยังมีที่นั่งรวมกันถึง 400 จากทั้งหมด 751 ที่นั่ง และจะสามารถร่วมมือกันได้เหมือนที่เคยเป็นมา
