“โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม” ทนายแม้วจ้อสื่อออสเตรเลีย เผย “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” มีแผนตั้ง “รัฐบาลพลัดถิ่น” อ้างมีหลายชาติเสนอตัวหนุน

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความชื่อดังชาวแคนาดา เปิดใจให้สัมภาษณ์เอบีซีนิวส์ สื่อดังของออสเตรเลียระบุ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้องที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยมีแผนตั้ง “รัฐบาลพลัดถิ่น” ในต่างแดน หลังเกิดการรัฐประหารที่ไม่ชอบธรรมโดยกองทัพ

โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม แห่งสำนักงานกฎหมายอัมสเตอร์ดัม แอนด์ พาร์ตเนอร์ส ซึ่งรับจ้างเป็น “ที่ปรึกษากฎหมาย” ให้กับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2010 เปิดเผยผ่านสื่อดังของแดนจิงโจ้ โดยย้ำว่าขณะนี้กำลังมีการพิจารณาอย่างจริงจังเพื่อจัดตั้ง “รัฐบาลพลัดถิ่น” ของไทยขึ้นในต่างแดน เพื่อเป็น “ตัวแทนที่ชอบธรรม” ของไทยในเวทีโลก หลังเกิดการรัฐประหารที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทนายความสัญชาติแคนาดารายนี้เผยต่อเอบีซีนิวส์ โดยย้ำว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเจรจากับหลายประเทศที่แสดงความประสงค์พร้อมเปิดทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และน้องสาว คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าไปใช้แผ่นดินของตนในการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นได้ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา

อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมีสมาชิกประเทศใดของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่พร้อมจะ “แหกธรรมเนียมปฏิบัติ” ในการไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน ด้วยการเปิดทางช่วยทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ จัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นจริงหรือไม่

ทั้งนี้ หากมีประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนยินยอมให้อดีตนายกรัฐมนตรีไทยที่ถูกโค่นอำนาจทั้งสองคนเข้าไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในประเทศของตน ก็จะถือเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจทำลายความเป็นเอกภาพและระเบียบแบบแผนทางการเมืองที่กลุ่มอาเซียนยึดถือปฏิบัติมาตั้งแต่แรกก่อตั้งองค์กรเมื่อปี ค.ศ. 1967

ก่อนหน้านี้เมื่อ 22 พฤษภาคม นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย เพิ่งเปิดใจให้สัมภาษณ์กับ “นิกเกอิ” สื่อดังของญี่ปุ่นโดยระบุว่า ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศไทย ถือเป็น “เรื่องภายใน” ที่ชาติเพื่อนบ้านในอาเซียนไม่ควรแทรกแซง

โดยนาจิบ ราซัค วัย 60 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของมาเลเซียตั้งแต่เมื่อปี 2009 เปิดใจให้สัมภาษณ์กับนิกเกอิ เอเชียน รีวิว สื่อดังด้านธุรกิจของญี่ปุ่น โดยผู้นำมาเลเซียยืนยันว่าประเทศเพื่อนบ้านของไทยในสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ไม่ควรดำเนินการใดๆ ที่อาจเป็นการ “แทรกแซงกิจการภายใน” ของไทย โดยเฉพาะหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกของไทย ประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึกเมื่อวันอังคาร (20) ที่ผ่านมา และตามมาด้วยการรัฐประหารในอีก 2 วันต่อมา

อย่างไรก็ดี แม้นาจิบจะเน้นย้ำว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองในไทยนั้นเป็นเรื่องภายใน แต่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียระบุว่ามาเลเซียอยากเห็นประเทศไทยมีเสถียรภาพทางการเมืองโดยเร็วก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปีหน้า

“สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องภายในของไทย มาเลเซีย และชาติสมาชิกอาเซียนทั้งหมดควรเคารพในหลักการของพวกเราที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน แต่ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ปรารถนาให้เกิดเสถียรภาพในไทยโดยเร็ว ก่อนที่เราจะก้าวเข้าสู่เออีซี” นาจิบกล่าว