ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่พร้อมปฏิบัติตามกฎอัยการศึก เพื่อนำบ้านเมืองสู่ความสงบสุข มั่นใจกลุ่มมวลชนทุกฝ่ายไม่มีการเคลื่อนไหว พร้อมยืนยันข่าวการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่เชียงใหม่ไม่เป็นความจริง ด้าน ผบ.มทบ.33 ย้ำไม่ใช่ปฏิวัติรัฐประหาร แค่ต้องการระงับไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง
วันนี้ (20 พ.ค.) นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยหลังนำหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเข้ารายงานตัวที่มณฑลทหารบกที่ 33 เพื่อรับฟังคำชี้แจงถึงเหตุผลความจำเป็นที่ทางกองทัพต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกว่า เมื่อมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้ว ส่วนราชการต่างๆ ต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติตาม โดยยึดระเบียบกฎหมายตามปกติ เพื่อที่จะได้ร่วมกันนำพาบ้านเมืองประเทศชาติให้เกิดภาวะปกติสุข
สำหรับการจับตาดูปฏิกิริยาและการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนต่างๆ หลังการประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้วนั้นไม่จำเป็น เพราะปกติก็ไม่มีความรุนแรงอะไรอยู่แล้ว รวมทั้งไม่จำเป็นที่จะต้องดูแลจุดใดๆ เป็นพิเศษด้วย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทางฝ่ายรัฐบาลจะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่เชียงใหม่นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องที่มีความพยายามจะกล่าวหากันมานานแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ศรายุธ รังษี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 กล่าวว่า การประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นการให้อำนาจทหารเต็มที่ในการดูแลประชาชน ทหารจะเข้าไประงับไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง ประชาชนและข้าราชการทุกคนยังปฏิบัติหน้าที่ได้เหมือนเดิม โดยการประกาศกฎอัยการศึกไม่ใช่ภายใต้การปกครองโดยทหาร ไม่ใช่การปฏิวัติรัฐประหาร ที่มีการเชิญส่วนราชการมาพูดคุยก็เพื่อขอความร่วมมือเท่านั้น ซึ่งทหารจะปฏิบัติต่อผู้ขัดขืนที่ทำผิดกฎหมาย รวมทั้งกองกำลังต่างๆ ที่ใช้อาวุธ และภายใต้กฎอัยการศึกผู้กระทำผิดจะต้องขึ้นศาลทหารเท่านั้น
ช่วงนี้ขอให้งดการอบรมเกี่ยวกับการเมือง โดยที่ใดที่มีการอบรมถ้าหากไม่เกี่ยวกับการเมืองสามารกระทำได้ และหากมีข้อมูลข่าวสารใดที่เกี่ยวกับเชียงใหม่ ขอให้แจ้งที่มณฑลทหารบกที่ 33 ด้วย ทั้งนี้จะมีการจัดกำลังดูแลไฟฟ้า ประปาเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นไปเพื่อรักษาความปลอดภัยเท่านั้น ส่วนวิทยุชุมชนที่ปลุกปั่นให้เกิดการแตกความสามัคคี จะเข้าไปดำเนินการให้ยุติทันที
วันนี้ (20 พ.ค.) นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยหลังนำหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเข้ารายงานตัวที่มณฑลทหารบกที่ 33 เพื่อรับฟังคำชี้แจงถึงเหตุผลความจำเป็นที่ทางกองทัพต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกว่า เมื่อมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้ว ส่วนราชการต่างๆ ต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติตาม โดยยึดระเบียบกฎหมายตามปกติ เพื่อที่จะได้ร่วมกันนำพาบ้านเมืองประเทศชาติให้เกิดภาวะปกติสุข
สำหรับการจับตาดูปฏิกิริยาและการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนต่างๆ หลังการประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้วนั้นไม่จำเป็น เพราะปกติก็ไม่มีความรุนแรงอะไรอยู่แล้ว รวมทั้งไม่จำเป็นที่จะต้องดูแลจุดใดๆ เป็นพิเศษด้วย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทางฝ่ายรัฐบาลจะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่เชียงใหม่นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องที่มีความพยายามจะกล่าวหากันมานานแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ศรายุธ รังษี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 กล่าวว่า การประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นการให้อำนาจทหารเต็มที่ในการดูแลประชาชน ทหารจะเข้าไประงับไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง ประชาชนและข้าราชการทุกคนยังปฏิบัติหน้าที่ได้เหมือนเดิม โดยการประกาศกฎอัยการศึกไม่ใช่ภายใต้การปกครองโดยทหาร ไม่ใช่การปฏิวัติรัฐประหาร ที่มีการเชิญส่วนราชการมาพูดคุยก็เพื่อขอความร่วมมือเท่านั้น ซึ่งทหารจะปฏิบัติต่อผู้ขัดขืนที่ทำผิดกฎหมาย รวมทั้งกองกำลังต่างๆ ที่ใช้อาวุธ และภายใต้กฎอัยการศึกผู้กระทำผิดจะต้องขึ้นศาลทหารเท่านั้น
ช่วงนี้ขอให้งดการอบรมเกี่ยวกับการเมือง โดยที่ใดที่มีการอบรมถ้าหากไม่เกี่ยวกับการเมืองสามารกระทำได้ และหากมีข้อมูลข่าวสารใดที่เกี่ยวกับเชียงใหม่ ขอให้แจ้งที่มณฑลทหารบกที่ 33 ด้วย ทั้งนี้จะมีการจัดกำลังดูแลไฟฟ้า ประปาเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นไปเพื่อรักษาความปลอดภัยเท่านั้น ส่วนวิทยุชุมชนที่ปลุกปั่นให้เกิดการแตกความสามัคคี จะเข้าไปดำเนินการให้ยุติทันที
