รอยเตอร์ - รัฐบาลซีเรียร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติวานนี้(21) ให้ช่วยฟื้นฟูระบบการให้บริการด้านสุขภาพของประเทศที่ถูกทำลายด้วยฝีมือ "ผู้ก่อการร้าย" ถึงแม้ว่ารายงานของทางองค์การสหประชาชาติ (UN) จะชี้ว่าความเสียหายดังกล่าวส่วนมากมาจากฝีมือของทางรัฐบาลซีเรียเอง
ซาอัด อัล นาเยฟ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขซีเรียกล่าวในคำแถลงที่ส่งผ่านไปถึงบรรดาประเทศสมาชิกขององค์การอนามัยโลก (WHO)ว่า รัฐบาลของพวกเขาได้กระทำอย่างสุดความสามารถแล้วในการลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการกระทำของพวกผู้ก่อการร้าย
"ผมขอวิงวอนทุกท่าน โปรดให้ความช่วยเหลือในการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเรา เพื่อการจัดตั้งศูนย์บริการด้านสุขภาพอนามัยต่างๆขึ้นมาใหม่อีกครั้งและเพื่อรื้อฟื้นระบบสาธารณสุขของประเทศเรา" เขากล่าว
เขากล่าวเสริมว่า สงครามกลางเมืองซีเรียที่ดำเนินมานานจนเข้าสู่ขวบปีที่ 4 ได้ทำลายระบบสาธารณสุขของประเทศจนย่อยยับ และทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอนามัยเสียชีวิตถึง 200 คน ในจำนวนนี้มีแพทย์ 11 คนที่ถูกยิงในระยะเผาขน นอกจากนี้ ยังมีศูนย์บริการด้านสุขภาพอนามัยถูกทำลาย 700 แห่ง รถพยาบาล 450 คันตกเป็นเป้าการโจมตีและโรงพยาบาล 38 แห่งถูกทำให้อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถดำเนินการได้
"พวกผู้ก่อการร้ายเป็นต้นเหตุของความเสียหายเหล่านี้" อัล นาเยฟกล่าว
คำอ้างของอัล นาเยฟขัดแย้งกับคณะกรรมาธิการไต่สวนอิสระของยูเอ็นในประเด็นซีเรีย ซึ่งระบุว่ากองกำลังของรัฐบาลซีเรียได้บุกทำลายโรงพยาบาลต่างๆและพุ่งเป้าโจมตีบุคลากรทางการแพทย์
จอห์น กิง ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า ในเดือนนี้ทางรัฐบาลซีเรียได้ปฏิเสธการให้บริการทางด้านการแพทย์ที่จัดสรรไปให้ผู้ได้รับบาดเจ็บด้วยการเอาเวชภัณฑ์ออกจากขบวนรถลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือ
เขาโทษว่าโรคโปลิโอที่หวนกลับมาระบาดอีกครั้งในซีเรียและการตัดน้ำตัดไฟในเมืองอเลปโป ที่เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเป็นความผิดของพวกผู้ก่อการร้าย
ด้าน นาวี พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้กล่าวว่า ทางดามัสกัสโยนความรับผิดชอบส่วนหนึ่งให้กับการละเลยของกฎหมายทางด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่เห็นได้ชัดในเมืองอเลปโป
หน่วยงานของพิลเลย์เผยว่า เฉพาะในเดือนเมษายน ได้มีซ่อมแซมระบบน้ำในเมืองอเลปโปหลายสิบครั้ง ซึ่งส่วนมากจะเสียหายหลังจากการทิ้งระเบิดจากทางอากาศยานและการยิงปืนใหญ่ของรัฐบาล และเสริมว่า กลุ่มกบฎอัล-นุสราได้มีส่วนในการตัดการจ่ายน้ำโดยเจตนาเป็นเวลาหลายวันในเดือนเมษายน
อย่างไรก็ดี ทางองค์การอนามัยโลกรหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวโทษว่าความล้มเหลวในการให้บริการด้านสุขภาพ และบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังตกเป้าการโจมตี รวมถึงการระบาดหนักของโรคโปลิโอ เป็นฝีมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
จากการตรวจสอบของรอยเตอร์พบว่ารัฐบาลซีเรียไม่ได้รวมจังหวัดเดอีร์ อัล-ซอร์ ที่อยู่การควบคุมของกลุ่มกบฎ ไว้ในพื้นที่ที่มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนโปลิโอ โดยทางดามัสกัสอ้างว่าพลเมืองส่วนมากของจังหวัดนี้ได้ลี้ภัยไปหมดแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังมีคนเหลืออยู่หลายแสนคนก็ตาม
อัล นาเยฟกล่าวโทษว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศนั้นโดนกัดเซาะโดยการใส่ร้ายป้ายสีและการบิดเบือนภาพลักษณ์จากพวกสื่อ และคนบางพวกที่เรียกตนเองว่าองค์การเพื่อมนุษยธรรม
ขณะที่ มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO)ซึ่งได้พูดในการประชุมสามัญขององค์กรเมื่อวันพุธ (21) ในหัวข้อ "Health care under attack : a call for action" นั้น ได้ปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นใดๆ ถึงคำพูดของรัฐมนตรีรายดังกล่าวของซีเรีย