xs
xsm
sm
md
lg

“นาจิบ ราซัค” ชี้การประกาศกฎอัยการศึกเป็น “เรื่องภายในของไทย” อาเซียนไม่ควรแทรกแซง แต่เผยอยากเห็นการเมืองไทยสงบก่อนก้าวสู่ AEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย เปิดใจให้สัมภาษณ์ “นิกเกอิ” สื่อดังของญี่ปุ่นโดยระบุว่าอยากเห็นประเทศไทยมีเสถียรภาพ และแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของตัวเองให้ลุล่วง ก่อนที่ไทยจะก้าวเข้าสู่ “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ในปีหน้า พร้อมย้ำการที่กองทัพไทยประกาศบังคับใช้ “กฎอัยการศึก” ถือเป็น “เรื่องภายใน” ที่ชาติเพื่อนบ้านในอาเซียนไม่ควรแทรกแซง

นาจิบ ราซัค วัย 60 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของมาเลเซียตั้งแต่เมื่อปี 2009 เปิดใจให้สัมภาษณ์กับนิกเกอิ เอเชียน รีวิว สื่อดังด้านธุรกิจของญี่ปุ่น โดยผู้นำมาเลเซียยืนยัน ประเทศเพื่อนบ้านของไทยในสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ไม่ควรดำเนินการใดๆ ที่อาจเป็นการ “แทรกแซงกิจการภายใน” ของไทยโดยเฉพาะหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกของไทยประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึกเมื่อวันอังคาร (20) ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี แม้นาจิบจะเน้นย้ำว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองในไทย รวมถึงการประกาศใช้กฎอัยการศึกของกองทัพนั้นเป็นเรื่องภายในของไทย แต่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียระบุว่า มาเลเซียอยากเห็นประเทศไทยมีเสถียรภาพทางการเมืองโดยเร็วก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปีหน้า

“สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องภายในของไทย มาเลเซียและชาติสมาชิกอาเซียนทั้งหมดควรเคารพในหลักการของพวกเราที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน แต่ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ปรารถนาให้เกิดเสถียรภาพในไทยโดยเร็ว ก่อนที่เราจะก้าวเข้าสู่เออีซี” นาจิบกล่าว

ในอีกด้านหนึ่ง ผู้นำรัฐบาลแดนเสือเหลืองออกมายอมรับว่าประเทศต่างๆ ในเอเชีย ควรเดินหน้าผลักดันข้อตกลงการค้าเสรี ภายใต้กรอบหุ้นส่วนข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership : TPP) ให้เป็นรูปเป็นร่างกว่าที่เป็นอยู่เนื่องจากเชื่อว่าข้อตกลงดังกล่าวที่มีสหรัฐฯเป็นตัวตั้งตัวตี โดยมีสิงคโปร์ บรูไน นิวซีแลนด์และชิลีเข้าร่วมนั้นจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเอเชียโดยรวม แม้ข้อตกลงดังกล่าวจะถูกต่อต้านอย่างหนักในหลายประเทศขณะนี้

“ข้าพเจ้าเชื่อว่าข้อตกลงทีพีพีจะเป็นประโยชน์ต่อเอเชียโดยรวม และทุกประเทศในภูมิภาคควรผลักดันให้เป็นรูปเป็นร่างมากกว่าที่เป็นอยู่” นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น