เอเอฟพี - เกิดเหตุคาร์บอมบ์ 2 คันซ้อนถล่มตลาดที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน ในเมืองจอส ทางภาคกลางของไนจีเรีย เมื่อวันอังคาร (20) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 118 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินต้องทำงานอย่างหนักเพื่อควบคุมเพลิงที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว
เบื้องต้น คริส โอลาคเป ผู้บัญชาการตำรวจรัฐแพลโท บอกกับเอเอฟพีว่า “เราสามารถยืนยันอย่างเป็นทางการว่ามีผู้เสียชีวิตในเหตุระเบิด 46 คน ขณะที่อีก 45 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส เราปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุแล้ว ไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายใน จนกว่าจะเก็บกวาดพื้นที่เสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ (วันพุธ)”
อย่างไรก็ตาม ในอีกหลายชั่วโมงต่อมา นายโมฮาเหม็ด อับดุลซาลาม ผู้ประสานงานจากสำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติระบุว่า “ตอนนี้จำนวนศพผู้เสียชีวิตที่เราเก็บกู้ได้ที่แท้จริงอยู่ที่ 118 ศพ” พร้อมบอกต่อว่า “บางทีอาจมีศพติดค้างอยู่ในซากหักพังอยู่อีก” หลังจากแรงระเบิดทำให้สิ่งปลูกสร้างต่างๆ พังถล่มลงมา
ระเบิดลูกแรกถูกจุดชนวนขึ้นภายในรถกระบะคันหนึ่งตอนเวลาประมาณ 15.00 น.(ตรงกับเมืองไทย 21.00 น.) ขณะที่ทีมช่วยเหลือรุดไปยังสถานที่เกิดเหตุในตลาดนิวอาบูจา ในทันที ทว่าระหว่างนั้นอีก 20 นาทีต่อมา ระเบิดลูกสองก็ถูกจุดชนวนขึ้นจากรถมินิบัส และผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินหลายคนติดอยู่ในวงล้อมของระเบิดลูกนี้ “มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้หญิง” โฆษกของนายโจนาห์ จาง ผู้ว่าการรัฐแพลโทกล่าว
ยังไม่มีใครออกมาอ้างความรับผิดชอบ แต่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าพวกนักรบอิสลามิสต์โบโก ฮารัม มีเครือข่ายปฏิบัติการในเมืองจอส และเคยลงมือโจมตีเมืองแห่งนี้มาก่อน ทว่าพื้นที่ที่เกิดเหตุคาร์บอมบ์ในวันอังคาร (20) ไม่เคยได้รับความเสียหายจากการก่อความไม่สงบร้ายแรงเช่นนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่ง รัฐแพลโทก็ตกอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างชาวคริสเตียน ที่อยู่ทางใต้ของรัฐและชาวมุสลิมที่พำนักอยู่ทางเหนือ ซึ่งระลอกคลื่นแห่งความแตกแยกทางศาสนานี้ นำมาซึ่งการรบราฆ่าฟันกันและกัน คร่าชีวิตชาวบ้านไปแล้วหลายพันคนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
“ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำก็คือขนย้ายศพผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่ถูกเผาไหม้จนแทบจะไม่ได้” อับดุลซาลาม ระบุ “ไฟยังคงลุกไหม้ ร้านค้าหลายแห่งถูกไฟเผาผลาญเสียหายโดยสิ้นเชิง” ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยทหารพิเศษที่ถูกส่งเข้ามาประจำการในรัฐแพลโท เสริมว่า หน่วยกู้ภัยและกองกำลังด้านความมั่นคงต้องทำงานอย่างหนักในการควบคุมฝูงชนท่ามกลางความโกลาหล
เหตุความรุนแรงครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือน หลังจากคนร้ายปฏิบัติการโจมตีสถานีรถบัสแห่งหนึ่งในแถบชานเมืองของกรุงอาบูจา 2 ครั้งในเวลาห่างกันแค่ 2 สัปดาห์ คือวันที่ 14 เมษายน และวันที่ 1 พฤษภาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันมากกว่า 90 ศพ ขณะที่กลุ่มโบโก ฮารัม ออกมาอ้างความรับผิดชอบ