xs
xsm
sm
md
lg

ประมวลภาพ: เหตุระเบิดเทียนจิน ยอดตาย 50 เจ็บเกิน 700 ดาวเทียมจับภาพหายนะพังเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สภาพลานจอดรถยนต์ผลิตใหม่ที่ถูกเปลวเพลิงจากการระเบิดเผาผลาญจนพังพินาศ (ภาพ เอเอฟพี)
เอเจนซี - สืบเนื่องจากเหตุระเบิดรุนแรงบริเวณอาคารคลังสินค้าที่เชื่อว่าเป็น ‘วัตถุอันตราย’ ในเขตอุตสาหกรรมของนครเทียนจินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนในคืนวันพุธ (12 ส.ค.) ซึ่งทำให้ประชาชนและนักดับเพลิงเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 50 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 700 คน

สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานว่า ปฎิบัติการดับเพลิงต้องระงับลงชั่วคราวในช่วงสายวันนี้ หลังจากมีการยืนยันนักผจญเพลิงเสียชีวิต 12 ราย และสูญหาย 36 คน โดยรัฐบาลท้องถิ่นเทียนจินระบุเหตุผลมาจากการขาดแคลนข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่เก็บอยู่ในอาคารว่าอันตรายและมีปริมาณมากเท่าไร

ทีมนักผจญเพลิงกลับเข้าไปควบคุมสถานการณ์อีกครั้งในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พบเปลวเพลิงยังคงคุกรุ่นอยู่ในพื้นที่ 4 แห่งด้วยกัน ขณะการทำงานก็เป็นไปอย่างยากลำบากเพราะซากปรักหักพังปิดกั้นถนนรอบจุดเกิดเหตุ แต่คาดว่าจะคุมสถานการณ์ได้ก่อนสิ้นแสงตะวัน

หน่วยดับเพลิงนครเทียนจินเผยว่ามีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ชุดแรกเข้าไปยังที่เกิดเหตุตอน 22.50 น. ตามเวลาท้องถิ่นของคืนวานนี้ ซึ่งเป็นเวลา 40 นาที ก่อนจะระเบิดระลอกแรกปะทุขึ้นมา จากนั้นนักดับเพลิงอีกราว 1,000 คน ก็กรีธาทัพตามเข้าไปสมทบก่อนจะต้องถอนกำลังออกมาในช่วงเช้าที่ผ่านมา

ส่วนช่วงบ่ายวันนี้มีเจ้าหน้าที่ด้านการจัดการสารเคมีราว 8,000 คน และตำรวจราว 1,500 นาย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทางชีววิทยาและระเบิดนิวเคลียร์เข้าร่วมภารกิจช่วยเหลือและบรรเทาภัยพิบัติ

สำนักงานตรวจจับแผ่นดินไหวแห่งชาติของจีนชี้ว่า แรงระเบิดระลอกแรกเทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที (TNT) 3 ตัน และระลอกสองนั้นสูงถึง 21 ตัน ขณะเดียวกันดาวเทียมตรวจสอบสภาพอากาศของญี่ปุ่นยังสามารถจับภาพแสงสว่างจากการระเบิดอย่างรุนแรงรอบสองได้จากอวกาศอีกด้วย
(ภาพ รอยเตอร์ส)
แรงสั่นสะเทือนจากการระเบิดที่ส่งเปลวไฟพวยพุ่งคล้ายดอกเห็ดสู่ท้องฟ้าจนสว่างวาบไปทั่วทั้งเมือง สามารถรับรู้ได้แม้อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร โดยกระจกหน้าต่างและบานประตูของอาคารบ้านเรือนจำนวนมากต่างพังเสียหายย่อยยับ

นอกจากนั้นรถยนต์ผลิตเสร็จใหม่หลายร้อยคันที่จอดเรียงรายรอการขนย้ายส่งออก ก็ถูกเปลวเพลิงเผาผลาญดำเป็นตอตะโกจนกลายสภาพเป็นสุสานรถยนต์ ทำให้คาดว่าความเสียหายทั้งหมดจะสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจแก่เมืองท่าที่ใหญ่เป็นอันดับ 10 ของโลกเป็นจำนวนมหาศาล

เทศบาลนครเทียนจินตั้งอยู่ห่างจางกรุงปักกิ่งราว 120 กิโลเมตร ริมชายฝั่งทะเลปั๋วไห่ เป็นหนึ่งในเมืองท่าสำคัญของประเทศ มีประชากรราว 15 ล้านคน โดยถือเป็นเมืองที่มีความทันสมัยและเชื่อมต่อกับนครหลวงด้วยเส้นทางรถไฟความเร็วสูง

นางจัง ซืออี้ว์ ชาวบ้านที่อาศัยห่างออกไปหลายกิโลเมตรจากจุดระเบิดบอกว่า ตอนแรกคิดว่าเป็นแผ่นดินไหวจนวิ่งออกมาข้างนอกถึงเห็นลูกไฟกลมขนาดมหีมาและกลุ่มควันหนาทึบบนฟ้า ส่วนชายวัย 28 ปี อีกรายที่กำลังขับรถอยู่บนสะพานห่างจากจุดเกิดเหตุราวหนึ่งกิโลเมตรเล่าว่า ระเบิดรอบแรกเหมือนจุดพลุประทัดแต่รอบสองเหมือนอุกกาบาตตกใส่โลก

“ผมและคนอื่นๆ หนีออกจากรถที่ชิ้นส่วนโลหะบิดเบี้ยวและกระจกหน้าต่างถูกแรงระเบิดอัดใส่จนแตกละเอียด วิ่งหนีทิ้งสิ่งของมีค่าทุกอย่างแบบไม่คิดชีวิต”

ขณะที่อพาร์ทเมนต์หรูแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไปสองกิโลเมตรก็มีสภาพเละเทะจากเศษกระจกและชิ้นส่วนโลหะที่ดำเมื่อมเกลื่อนกลาดทั่วบริเวณ ไม่ต่างจากหมู่มวลอาคารรอบๆ ที่บานกระจกหน้าต่างทั้งหมดแตกกระจายและผนังอาคารไหม้เกรียมเป็นตอตะโก

“โชคดีที่ยังไม่มีใครย้ายเข้ามาอยู่” หลิว จวินเว่ย คนงานก่อสร้างของโครงการอพาร์ทเมนต์กล่าว “แต่สำหรับเราคงเป็นความสูญเสียหมดสิ้น สองปีของการทำงานแทบไม่มีค่าอะไรเลย”

“มันเป็นคืนที่เงียบสงบแล้วจู่ๆ ท้องฟ้าก็สว่างวาบขึ้นมายิ่งกว่าตอนกลางวัน เหมือนงานแสดงดอกไม้ไฟ” คนงานแซ่หลี่กล่าว
(ภาพ รอยเตอร์ส)
เจ้าหน้าที่ตำรวจนครเทียนจินเผยเบื้องต้นว่า การระเบิดเกิดขึ้นแถวตู้คอนเทนเนอร์สินค้าในอาคารคลังสินค้าที่จัดเก็บวัตถุอันตราย โดยมีบริษัท เทียนจิน ตงเจียง พอร์ต รุ่ยไห่ โลจิสติกส์ เป็นเจ้าของซึ่งระบุว่าตนเองได้รับอนุญาตกักเก็บวัตถุอันตรายอย่างถูกต้อง

สำนักข่าวไชน่า ยูทธ์ เดลี อ้างเว็บไซต์บริษัทฯ ซึ่งก่อตั้งในปี 2554 รายงานว่า บรรดาสารเคมีที่จัดเก็บนั้นเป็นพวกโซเดียม ไซยาไนด์ ที่มักใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เพื่อช่วยสกัดทอง หรือพวกโทลูอีนไดไอโซไซยาเนต (TDI) อันเป็นสารประกอบระเหยง่ายที่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต

อย่างไรก็ดี ผู้บริหารอาวุโสของบริษัทถูกตำรวจควบคุมตัวแล้ว ส่วนสาเหตุของการระเบิดนั้นยังไม่ทราบชัดเจนในเวลานี้

ด้านตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ สื่อทางการจีนอ้างรัฐบาลเทียนจินระบุล่าสุดพบผู้เสียชีวิต 50 ราย และผู้บาดเจ็บมากกว่า 700 คน ซึ่งมากกว่า 60 คน ยังคงมีอาการสาหัส โดยโรงพยาบาลท้องถิ่นตกอยู่ในสภาวะโกลาหลจากคลื่นผู้บาดเจ็บ ญาติและสมาชิกครอบครัวที่ต่างตึงเครียด

มีรายงานข่าวว่า ขณะนายวิลล์ ริพลีย์ นักข่าวของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น กำลังรายงานสดอยู่ด้านนอกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งนั้น เขาถูกชายผู้โกรธเกรี้ยวตรงเข้าทำร้ายด้วยต้องการให้วิลล์ยุติการรายงานข่าวและลบวีดีโอทั้งหมดทิ้ง จนเขาต้องวิ่งหนีและหยุดการรายงานข่าว

สำนักข่าวไชน่า นิวส์ เซอร์วิส กล่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนสั่งการเร่งด่วนให้ทางการท้องถิ่นควบคุมเปลวเพลิงและเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ พร้อมกับดำเนินการสอบสวนเรื่องราวและคุมตัวบุคคลที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบกับหายนะครั้งใหญ่หลวงของประเทศคราวนี้
(ภาพ เอเอฟพี)
(ภาพ รอยเตอร์ส)
(ภาพ รอยเตอร์ส)
(ภาพ รอยเตอร์ส)
(ภาพ เอเอฟพี)
(ภาพ รอยเตอร์ส)
(ภาพ รอยเตอร์ส)
ความเสียหายของสถานีรถไฟที่ตั้งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุระเบิด (ภาพ รอยเตอร์ส)
(ภาพ รอยเตอร์ส)
(ภาพ รอยเตอร์ส)
คนขับนั่งอยู่ในรถยนต์ของตัวเองที่บุบบี้และไร้กระจก (ภาพ รอยเตอร์ส)
บานกระจกหน้าต่างของอาคารที่พักใกล้เคียงพังเสียหายทั้งหมด (ภาพ เอเอฟพี)
ความเสียหายภายในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง (ภาพ เอเอฟพี)
(ภาพ เอเอฟพี)
(ภาพ เป่ยจิง ยูทธ์ เดลี)
(ภาพ เป่ยจิง ยูทธ์ เดลี)
เปลวเพลิงหลังเกิดการระเบิด (ภาพ รอยเตอร์ส)
(ภาพ เอเอฟพี)
(ภาพ เวยปั๋ว)
(ภาพ เวยปั๋ว)
(ภาพ เวยปั๋ว)
(ภาพ เวยปั๋ว)
(ภาพ เอเอฟพี)
(ภาพ รอยเตอร์ส)
(ภาพ เอเอฟพี)
ภาพถ่ายจากดาวเทียมตรวจสอบสภาพอากาศของญี่ปุ่นจับการระเบิด (จุดสีขาว) ได้จากห้วงอวกาศ (ภาพ เอเอฟพี)

WATCH: Haunting drone footage captures the utter devastation left in the wake of Tianjin blasts.The death toll from the accident now stands at 50. Another 701 people remain warded in hospital.UPDATES: http://shanghaiist.com/tags/binhaiblast

Posted by Shanghaiist on Thursday, August 13, 2015
คลิปวีดีโอแสดงสภาพที่เกิดเหตุระเบิด บันทึกจากโดรน

ภาพความเสียหายจากเหตุระเบิดครั้งรุนแรง ที่เขตอุตสาหกรรมในเมืองเทียนจิน ทางตอนเหนือของจีน ซึ่งบันทึกไว้ด้วยโดรนขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว 44 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 500 คนแล้ว

Posted by บีบีซีไทย - BBC Thai on Thursday, August 13, 2015
(คลิปฯ บีบีซี)
ภาพเคลื่อนไหวของการระเบิดที่บันทึกโดยดาวเทียมญี่ปุ่น
เหตุวุ่นวายระหว่างการรายงานข่าวของนักข่าวซีเอ็นเอ็น

กำลังโหลดความคิดเห็น