xs
xsm
sm
md
lg

ญาติเหยื่อไม่เชื่อนักเขียนมะกันอ้างไทย-สหรัฐฯสอยMH370ร่วงระหว่างซ้อมรบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เดอะนิวส์อินเตอร์เนชันแนล/เดลีสตาร์ - ญาติๆของเหยื่อ ไม่เชื่อนักเขียนเชื้อสายแองโกลอเมริกันที่เปิดตัวหนังสือใหม่เกี่ยวกับการสูญหายของเที่ยวบิน MH370 โดยในเนื้อหาบางส่วนระบุเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ถูกยิงตกระหว่างการซ้อมรบร่วมระหว่างกองทัพไทยกับสหรัฐฯ และนานาชาติก็ร่วมมือกันปกปิดอย่างประณีต

หนังสือ ไฟลต์ เอ็มเอช 370 เดอะ มีสเทอรี' (Flight MH370 The Mystery) ของไนเจล คอว์ธอร์น นักเขียนและนักข่าวชาวสหรัฐฯ มีกำหนดออกวางจำหน่ายในออสเตรเลีย ในวันอังคาร(20) หรือ 71 วัน หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 777 หายสาบสูญไปขณะกำลังบินจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียไปยังกรุงปักกิ่งประเทศจีน

ในหนังสือของไนเจล คอว์ธอร์น อ้างว่าเกือบแน่นอนแล้วว่าเหล่าครอบครัวของผู้โดยสารของเที่ยวบิน MH370 จะไม่มีวันทราบเลยว่าอะไรเกิดขึ้นกับบุคคลอันเป็นที่รัก และเขาสนับสนุนทฤษฎีๆหนึ่งที่อ้างคำบอกเล่าของนายไมค์ แมคกี คนงานแท่นขุดเจาะน้ำมันนิวซีแลนด์ ที่บอกว่าเห็นเครื่องบินลำนี้ถูกยิงตกไม่นานหลังจากหยุดติดต่อสื่อสารกับหอบังคับการบิน

โดยนายคอว์ธอร์น นำคำกล่าวอ้างของนายแมคดี ที่บอกว่าเห็นเครื่องบินกำลังลุกไหม้ขณะกำลังดิ่งลงสู่อ่าวไทย มาเชื่อมโยงกับการซ้อมรบทางทหารในทะลจีนใต้ในเวลานั้น ซึ่งเป็นการซ้อมรบร่วมระหว่างไทยกับสหรัฐฯ และร่วมด้วยบุคลากรของกองทัพชาติต่างๆอาทิจีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซียและอื่นๆ "การฝึกฝนดังกล่าวรวมถึงจำลองการซ้อมรบภาคพื้นดิน ในน้ำและบนอากาศ และมันยังมีการใช้กระสุนจริงด้วย" นายคอว์ธอร์น ระบุ พร้อมบอกว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้เข้าร่วมอาจพลาดยิงเที่ยวบิน MH370 โดยไม่ได้ตั้งใจ"

เนื้อหาในหนังสือยังบอกอีกว่า ไม่มีใครต้องการให้เกิดกรณี ล็อคเกอร์บี "(เหตุชายชาวลิเบีย ปฏิบัติการก่อการร้ายวางระเบิดเครื่องบินโดยสารของสายการบินแพนแอม เที่ยวบิน103 เมื่อปี 1988 แก้แค้นที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธไปถึงเครื่องบินของสายการบินอิหร่านแอร์ 6 เดือนก่อนหน้านั้น) ดังนั้นทุกคนที่เกี่ยวข้องจึงมีเหตุผลเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

นายคอว์ธอร์น เชื่อว่ามีการนำกล่องดำอีกกล่อง ไปโยนลงนอกชายฝั่งออสเตรเลีย เพื่อเบ่งเบนความพยายามของทีมค้นหา "ท้ายที่สุดแล้วก็จะไม่พบซากใดๆในมหาสมุทรอินเดียทางตอนใต้"

อย่างไรก็ตาม ไอรีน แบร์โรว์ส หญิงชาวออสเตรเลียซึ่งบุตรชาย คือร็อดกับสะใภ้เป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนเที่ยวบินมรณะบอกว่าไม่เชื่อเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ โดยบอกว่าเธอกับครอบครัวของผู้สูญหายบนเครื่องบินรู้สึกเศร้าโศกกับเรื่องราวนี้มากพอแล้ว และในเวลานี้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกันคือตามหาเครื่องบินให้พบเท่านั้น

นอกจากนี้แล้วเธอยังบอกด้วยว่าหนังสือเล่มนี้ออกมาเร็วเกินไป "ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมถึงออกหนังสือมาในตอนนี้ ยังไม่มีคำตอบที่เป็นที่สุด มันสร้างความสิ้นหวังให้แก่ครอบครัวของผู้โดยสาร มีทฤษฎีต่างๆ มากเหลือเกิน แต่ฉันต้องการเชื่อเพียงทฤษฎีเดียว คือพวกเขาทั้งหมดแค่หมดสติไปและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นทฤษฎีเดียวของฉัน มันทำให้ฉันยังมีสติอยู่ได้ ที่ฉันต้องการคือใครสักคนพบเศษเสี้ยวของเครื่องบินลำนี้ สามีของฉันต้องการกล่องดำ ฉันต้องการเพียงเศษของเครื่องบินเพื่อให้รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด" นางเบอร์โรว์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น