นิรโทษกรรมสากลวอน “รบ.ชาด” เปิดพรมแดน หวั่นเกิดวิกฤตมนุษยธรรมใน “แอฟริกากลาง”

เอเจนซีส์ - องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ออกโรงประณามในวันอังคาร (13) โดยระบุว่า การตัดสินใจของรัฐบาลชาด ในการสั่งปิดพรมแดนทางทิศใต้ของประเทศ ที่ติดต่อกับสาธารณรัฐแอฟริกากลาง จะก่อให้เกิดหายนะครั้งเลวร้ายทางด้านมนุษยธรรมต่อประชาชนของแอฟริกากลาง ที่กำลังหนีตายจากวิกฤต “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ภายในประเทศ

ท่าทีล่าสุดขององค์การนิรโทษกรรมสากลซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร มีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลของชาดภายใต้การนำของประธานาธิบดี อิดริสส์ เดบี ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (11) ที่ผ่านมา สั่งปิดพรมแดนด้านที่ติดต่อกับสาธารณรัฐแอฟริกากลางอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าวิกฤตการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างชาวคริสต์และชาวมุสลิมในแอฟริกากลางที่ดำเนินมานานหลายเดือนจะสิ้นสุดลง

นอกเหนือจากการสั่งปิดพรมแดนที่มีความยาวกว่า 1,000 กิโลเมตรแล้ว ประธานาธิบดีชาดยังเตรียมพิจารณา “เนรเทศ” ผู้อพยพชาวแอฟริกากลางจำนวนมากกว่า360,000 คนกลับประเทศ แม้ผู้อพยพยกลุ่มนี้ บางส่วนจะเข้ามาลี้ภัยในชาด ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว หลังเกิดการสังหารหมู่ล้างแค้นกันไปมาระหว่างชาวคริสต์และชาวมุสลิมในประเทศ

“เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลชาดเปิดพรมแดนต่อไป และล้มเลิกแผนเนรเทศผู้อพยพชาวแอฟริกากลางกลับประเทศ หากรัฐบาลชาดไม่ทบทวนการตัดสินใจของตน รัฐบาลชาดจะต้องร่วมรับผิดชอบต่อวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่จะเกิดขึ้นตามมา” คริสเตียน มูโคซา เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การนิรโทษกรรมสากลประจำแอฟริกากลางเผย พร้อมขู่จะยื่นเรื่องต่อองค์การสหประชาชาติเพื่อให้ดำเนินการเอาผิดรัฐบาลชาดที่เป็นภาคีในอนุสัญญาระหว่างประเทศปี 1951 ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือต่อผู้ลี้ภัย

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนเมษายน รัฐบาลชาดสั่งถอนทหารของตนจำนวน 850 นาย ออกจากการเข้าร่วมในกองกำลังรักษาสันติภาพขององค์การเอกภาพแอฟริกัน (African Union : AU) ที่ถูกส่งเข้าไปควบคุมสถานการณ์ในแอฟริกากลาง โดยการถอนตัวของทหารชาดมีขึ้นหลังมีการร้องเรียนจากประชาชนแอฟริกากลางในหลายพื้นที่ว่า พวกเขาถูกทหารของชาดกระทำทารุณ