รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) เผยในวันจันทร์ (17) ระบุ รัฐบาลไซปรัสกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่องต่อบรรดา “ผู้ลี้ภัย” ซึ่งรวมถึงประชาชนที่หนีตายจากสงครามกลางเมืองในซีเรีย โดยพบหลักฐานการกักขังผู้ลี้ภัยไม่ต่างจากนักโทษ และละเมิดกฎหมายสหภาพยุโรป (อียู)
รายงานข่าวในวันจันทร์ (17)ที่อ้างเชริฟ เอลซัยเอ็ด-อาลี ผู้อำนวยการฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้อพยพและคนเข้าเมืองขององค์การนิรโทษกรรมสากลระบุว่า พบหลักฐานว่าที่ผ่านมา รัฐบาลไซปรัสกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเลวร้าย ต่อบรรดาผู้อพยพ ซึ่งรวมถึง ผู้ลี้ภัยจากสงครามกลางเมืองในซีเรีย ผ่านการใช้มาตรการคุมขังไม่ต่างจากนักโทษ แทนที่จะให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมตาม “หลักมนุษยธรรม”
เอลซัยเอ็ด-อาลีเผยว่า การปฏิบัติอย่างเลวร้ายของรัฐบาลไซปรัสต่อผู้อพยพ ถือเป็นหนึ่งในความพยายามของไซปรัสในการหยุดยั้งการไหลบ่าของคลื่นผู้อพยพจากตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือจำนวนหลายพันคนในแต่ละปี ที่หวังใช้ไซปรัสเป็นเส้นทางผ่าน เพื่อเข้าไปแสวงหา “ชีวิตใหม่” ในยุโรป โดยรัฐบาลไซปรัสคาดหวังว่า การปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยไม่ต่างจากนักโทษเช่นนี้ จะช่วยหยุดยั้งเหล่าผู้อพยพไม่ให้คิดเดินทางเข้ามายังเกาะของพวกเขาอีก
ผู้อำนวยการฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้อพยพและคนเข้าเมืองขององค์การนิรโทษกรรมสากลระบุว่า สิ่งที่รัฐบาลไซปรัสกระทำต่อผู้อพยพนั้นขัดต่อหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยังขัดต่อกฎหมายของอียูด้วยเนื่องจากพบหลักฐานว่ามีผู้อพยพจำนวนไม่น้อยถูกรัฐบาลไซปรัสคุมขังไว้เป็นเวลานานเกินกว่า 18 เดือน ซึ่งเป็นกรอบเวลาสูงสุดตามระเบียบของอียูในการกักตัวผู้ลี้ภัย
อย่างไรก็ดี ทันทีที่องค์การนิรโทษกรรมสากลเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวออกไป รัฐบาลไซปรัสภายใต้การนำของประธานาธิบดีนิคอส อนาสตาเซียเดส ผู้นำสายกลาง-ขวาที่ก้าวขึ้นสู่อำนาจในปีที่แล้ว ออกคำแถลงที่กรุงนิโกเซีย โดยยืนยันว่า ไซปรัสยึดมั่นในหลักการสากลในการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัย พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลของตนได้ปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยโดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมมาโดยตลอด และไม่พบข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามที่องค์การนิรโทษกรรมสากลกล่าวหา
ทั้งนี้ นอกเหนือจากข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิของผู้ลี้ภัยแล้ว ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯได้ออกมาเปิดเผยรายงานที่ระบุว่า ไซปรัสเป็นศูนย์กลาง “การค้ามนุษย์” ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะการล่อลวงผู้หญิงและเด็กจากยุโรปตะวันออก เข้ามายังไซปรัส ก่อนส่งเข้าสู่ธุรกิจทางเพศทั่วยุโรป