เอเอฟพี – ลักดาร์ บราฮิมี ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติว่าด้วยกรณีซีเรีย ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้(13) หลังไม่สามารถผลักดันให้เกิดการเจรจาสันติภาพอย่างมีนัยยะสำคัญได้ ขณะที่ฝรั่งเศสกล่าวหาว่ารัฐบาลดามัสกัสยังไม่หยุดใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม
บราฮิมี ได้ยื่นหนังสือลาออกที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ พร้อมๆกับที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส โลรองต์ ฟาเบียส เปิดแถลงข่าวโจมตีรัฐบาลซีเรียที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งนับเป็น 2 เหตุการณ์ที่บั่นทอนกระบวนการสร้างสันติภาพในซีเรียอย่างหนัก
ฟาเบียส อ้างว่า รัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด นำอาวุธเคมีออกมาใช้ถึง 14 ครั้งในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ทั้งที่เคยรับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะส่งมอบคลังอาวุธเคมีทั้งหมดให้ผู้ตรวจสอบนานาชาตินำไปทำลาย
“จะต้องเกิดความสูญเสียอีกเท่าไหร่ กว่าซีเรียจะกลับไปเป็นซีเรียที่เราเคยรู้จัก” บราฮิมี ตั้งคำถาม พร้อมยืนยันข่าวลือที่แพร่สะพัดมานานหลายสัปดาห์ว่าเขาอาจตัดสินใจถอนตัวออกจากภารกิจสันติภาพซีเรีย
บราฮิมี ซึ่งเข้ามารับหน้าที่ผู้แทนสันติภาพยูเอ็นว่าด้วยปัญหาซีเรียในเดือนสิงหาคมปี 2012 กล่าวด้วยว่า “เป็นเรื่องน่าเสียใจที่ผมจำต้องสละตำแหน่งนี้ และปล่อยซีเรียไว้ในสภาพที่ย่ำแย่”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเขาอยากฝากอะไรถึงชาวซีเรียบ้าง บราฮิมี ก็ตอบว่า “คำขออภัยอีกครั้งที่เราไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออย่างที่พวกเขาสมควรได้รับ ช่วยบอกพวกเขาด้วยว่าโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของพวกเขาจะต้องได้รับการแก้ไข”
นักการทูตชาวแอลจีเรียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้งสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกผู้นี้ มีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวให้รัฐบาลซีเรียและฝ่ายกบฏส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมสันติภาพที่นครเจนีวา เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การเจรจาสันติภาพที่เกิดขึ้น 2 รอบล้มเหลวลงอย่างสิ้นเชิง โดยต่างฝ่ายต่างก็โยนความผิดให้กันและกัน ในขณะที่สงครามกลางเมืองล่วงเข้าสู่ปีที่ 4 โดยมียอดผู้เสียชีวิตแล้วราวๆ 150,000 คน และอีกหลายล้านคนต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัย
บัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ยืนยันว่าจะหาบุคคลที่เหมาะสมมาทำหน้าที่แทน บราฮิมี ต่อไป พร้อมกล่าวตำหนิ “ชาติซีเรีย, ภูมิภาคตะวันออกกลาง และประชาคมโลก ที่ไม่สามารถแสวงหาแนวทางร่วมกันเพื่อยุติเหตุนองเลือดได้”
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสก็ให้สัมภาษณ์สื่อในกรุงวอชิงตันว่า ข่าวการใช้อาวุธเคมี 14 ครั้งแสดงให้เห็นว่า “ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลซีเรียได้นำอาวุธเคมีชนิดใหม่ออกมาใช้ในปริมาณที่ไม่มาก โดยส่วนใหญ่เป็นสารคลอรีน”
องค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี (OPCW) ซึ่งเป็นหน่วยงานยูเอ็นที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำลายอาวุธเคมีของซีเรีย ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้ว ส่วนฝรั่งเศสและชาติตะวันตกก็กำลังตรวจพิสูจน์หลักฐานที่พบ และคาดว่าจะทราบผลชัดเจนภายใน 2-3 สัปดาห์