สหรัฐฯคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มหลังเมินคลายวิกฤตยูเครน มอสโกสวนจะตอบโต้อย่างเจ็บปวด

เอเอฟพี - สหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(28) ออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ ด้วยการเพิ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงและบริษัท 17 แห่งของมอสโกที่มีความเชื่อมโยงกับคนใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เข้าไปในบัญชีดำ เพื่อลงโทษเครมลินต่อความล้มเหลวในการคลี่คลายความตึงเครียดในยูเครน อย่างไรก็ตามดูเหมือนพญาหมีขาวจะไม่ยี่หระ ประกาศกร้าวจะตอบโต้วอชิงตันอย่างเจ็บปวด

วิกฤตเผชิญหน้าครั้งเลวร้ายที่สุดระหว่างตะวันออก-ตะวันตก นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ โดยล่าสุดในวันจันทร์(28) สหรัฐฯได้ขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียเพิ่มเติม นอกจากนี้แล้วยังออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตส่งออกสินค้าไฮเทคที่มอสโกอาจไปใช้ในทางทหารเข้มงวดขึ้น ทำเนียบขาวแถลงในมะนิลา ระหว่างที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังเยือนฟิลิปปินส์

"วันนี้สหรัฐฯได้มีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อตอบโต้รัสเซียที่ยังคงแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายต่อยูเครนและยังคงแสดงพฤติกรรมยั่วยุต่างๆนานาซึ่งกัดเซาะประชาธิปไตย คุกคามสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ อำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน" เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวบอกในถ้อยแถลง

คาร์นีย์อ้างว่ารัสเซียยังนิ่งเฉยไม่ยอมทำตามข้อตกลงที่เห็นพ้องกันที่เจนีวา กับยูเครน สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ข้อตกลงที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมมอสโก ทางภาคตะวันออกของยูเครน

มาตรการล่าสุดที่แถลงในวันจันทร์(28) เป็นมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมจากเดิมที่เคยขึ้นบัญชีดำเหล่านักการเมืองและคนใกล้ชิดของปูตินคนอื่นๆไปก่อนหน้าแล้ว เช่นเดียวกับนายธนาคารอีกราย โดยมาตรการเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อก่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจและการเมืองต่อประธานาธิบดีรัสเซีย และพยายามบีบให้มอสโกเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ในยูเครน

อย่างไรก็ตามมาตรการเหล่านี้ยังไม่ครอบคลุมถึงภาคต่างๆที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจรัสเซีย อย่างเช่นภาคพลังงานและเหมืองแร่ โดยทำเนียบขาวบอกว่าการคว่ำบาตรดังกล่าวจะถูกสหรัฐฯและพันธมิตรยุโรปกำหนดขึ้นก็ต่อเมื่อ มอสโกได้ลงมือรุกรานยูเครนโดยแท้จริงแล้ว

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯบอกว่ามาตรการคว่ำบาตรของพวกเขาจะสอดคล้องกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหภาพยุโรป เช่นเดียวกับมาตรการต่างๆที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันที่เวลานี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของรัสเซียให้เห็นแล้ว โดยแหล่งข่าวในบรัสเซลส์บอกว่าได้มีการขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่มอสโกอีก 15 คน หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการแบนวีซ่าและอายัดทรัพย์สินของบุคคลชาวรัสเซียแล้วราว 50 คน

อย่างไรก็ตามนายเซอร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ ประกาศกร้าวว่าประเทศของเขาจะตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรเหล่านั้นอย่างเจ็บปวด "แน่นอนว่าการตอบโต้ของเราจะส่งผลกระทบอย่างเจ็บปวดต่อวอชิงตัน"

สำหรับบริษัทรัสเซียที่ถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำเพิ่มเติมก็มีอาทิ อาเวีย กรุ๊ป ลิมิเต็ด, ธนาคารเซเวอร์นีย์ มอร์ซอย, ธนาคารอินเวสต์แคปิตอลล, ทรานส์ออย, โวลกา รีซอร์ซส์ กรุ๊ป, เอสเอ็มพีแบค์, โซบิน แบงค์ และเซสต์ ลีสซิง

ในส่วนของบุคคลนั้น ก็มีคนสำคัญๆอย่างเช่นนายอิกอร์ เซชิน มือขวาในเรื่องพลังงานของปูติน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานรัฐวิสาหกิจน้ำมันรอสเนฟต์ นายเซอร์เก ชีเมซอฟ ซีอีโอของรัสเซีย เทคโลโยยีส์(รอสเทค) ซึ่งตั้งขึ้นมาในปี 2007 เพื่อจัดการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมรัสเซีย ที่เวลานี้ควบคุมหรือไม่ก็มีหุ้นอยู่ตามบริษัทต่างๆหลายร้อยแห่ง เช่นเดียวกับนายดมิทรี โคซัค รองนายกรัฐมนตรี ที่ตอนนี้รับบทเป็นผู้นำความพยายามของมอสโก ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของแหลมไครเมีย