เอเอฟพี - ผู้โดยสารซึ่งก่อความวุ่นวายจนเป็นเหตุให้กัปตันสายการบินเวอร์จินออสเตรเลียแจ้งเหตุเครื่องบิน “ถูกจี้” เมื่อวานนี้ (25 เม.ย.) ยืนยันว่าตนไม่ได้ “เมา” ตามที่พนักงานสายการบินอ้าง และที่ทุบประตูห้องนักบินก็เพราะเข้าใจผิดว่าเป็น “สุขา” ตำรวจอินโดนีเซียแถลงวันนี้ (26)
แมตต์ คริสโตเฟอร์ ล็อกลีย์ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกโดยการทุบประตูห้องนักบินบนสายการบินเวอร์จินออสเตรเลียจากเมืองบริสเบนสู่เกาะบาหลี อ้างว่าตนเครียดจากปัญหาครอบครัว และที่เดินทางมายังเกาะบาหลีก็เพื่อตามหาภรรยาชาวอินโดนีเซียที่ขาดการติดต่อไป
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบินเมืองเดนปาซาร์รุดเข้าตรวจสอบเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ที่เดินทางมาจากเมืองบริสเบน หลังได้รับแจ้งจากกัปตันว่ามีผู้โดยสารพยายามจี้เครื่องบิน
ล็อกลีย์ซึ่งสวมเสื้อทีเชิ้ตกับกางเกงขาสั้น ถูกเจ้าหน้าที่จากกองทัพอากาศอินโดนีเซียควบคุมตัวลงจากเครื่องบินส่งให้ตำรวจ โดยเหตุการณ์นี้ยังส่งผลให้สนามบินเมืองเดนปาซาร์ต้องระงับเที่ยวบินขึ้น-ลงชั่วคราว
ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียรายงานว่าหนุ่มคนนี้มีอาการ “มึนเมา” แต่ตำรวจซึ่งแถลงความคืบหน้าของคดีวันนี้ (26) เปิดเผยว่า ล็อกลีย์ยืนยันว่าไม่ได้เมาเหล้า และเวลานี้ถูกส่งตัวไปนอนโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการอ่อนเพลียมาก
ล็อกลีย์ให้การ่อตำรวจอินโดนีเซียว่า ก่อนจะขึ้นเครื่องเขาทานยาโวลทาเรน 2 เม็ด และพานาดอลอีก 4 เม็ดซึ่งทั้งสองชนิดเป็นยาระงับปวด ส่วนเครื่องดื่มก็มีแค่โค้ก 2 ขวดเท่านั้น
“เขายืนยันว่าไม่ได้เมา แต่มีอาการเครียดจากปัญหาครอบครัว” เฮรี วิยันโต โฆษกตำรวจบาหลี ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี พร้อมเปิดเผยว่าขณะที่ตำรวจเข้าจับกุมไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของเขา แต่ยังต้องรอผลการตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดอีกครั้ง
ล็อกลีย์เป็นชาวออสเตรเลียจากรัฐควีนส์แลนด์ บอกว่าตนเดินทางมาบาหลีเพื่อตามหาภรรยาชาวอิเหนาที่ติดต่อไม่ได้มา 2 สัปดาห์แล้ว และตนรู้สึกเครียดจนประสาทหลอน คิดว่ามีคนเดินตามและต้องการขโมยกระเป๋า
“เขาบอกว่าที่ทุบประตูห้องนักบินเพราะคิดว่าเป็นสุขา” วิยันโตระบุ
ก่อนหน้านั้น ตำรวจแถลงว่าพนักงานหญิงบนเครื่องบินยอมรับว่า ล็อกลีย์ได้ขอยารับประทานก่อนจะเดินไปทุบประตูห้องนักบินจนเกิดความวุ่นวายขึ้น
โฆษกตำรวจบาหลีชี้ว่า หนุ่มออสซี่รายนี้อาจถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายด้านความปลอดภัยการบินซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี และปรับอีก 500 ล้านรูเปียห์ (ราว 1,390,000 บาท)
