เอเอฟพี – กัปตันเรือเฟอร์รีเกาหลีใต้ซึ่งประสบอุบัติเหตุอับปางลงเมื่อ 3 วันก่อน ให้สัมภาษณ์ในวันนี้ (19) ว่า ตนไม่สั่งอพยพผู้โดยสารลงจากเรือทันที เนื่องจากท้องทะเลแปรปรวน และยังไม่มีเรือกู้ภัยเข้ามาช่วย ขณะที่ทีมนักประดาน้ำสามารถเข้าถึงห้องโดยสารเรือได้เป็นครั้งแรก และพบเห็น “ศพ” อย่างน้อย 3 ร่างจากทางหน้าต่าง
กัปตัน ลี จุน-ซก และลูกเรืออีก 2 คน ถูกตำรวจจับกุมเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา (19) และถูกแจ้งข้อหาละเลยและละเมิดกฎหมายพาณิชย์นาวีซึ่งกำหนดให้ผู้เป็นกัปตันเรือต้องดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ลี ซึ่งสวมเสื้อกันฝนแบบมีฮู้ดยืนก้มศีรษะนิ่งขณะรับฟังตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา หลังจากนั้นได้มีผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ขอสัมภาษณ์ว่า เหตุใดจึงมีการสั่งให้ผู้โดยสารนั่งอยู่กับที่นานกว่า 40 นาที หลังจากที่เรือเฟอร์รีได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือครั้งแรกเมื่อเวลา 9.00 น. ของวันพุธที่ 16 เมษายน
“ตอนนั้นเรือช่วยชีวิตยังมาไม่ถึง และไม่มีเรือประมงที่อยู่ใกล้ๆ และพอจะช่วยเหลือได้” ลี กล่าว
“ตอนนั้นทะเลมีคลื่นลมแรงมาก และน้ำก็เย็นเฉียบ... ผมเกรงว่าผู้โดยสารจะถูกกระแสน้ำพัดพาไปไกลและอาจเป็นอันตราย หากพวกเขาสละเรืออย่างไม่คิดให้รอบคอบและไม่สวมเสื้อชูชีพ”
“ในเวลาเช่นนั้น ต่อให้พวกเขาสวมเสื้อชูชีพก็มีผลไม่ต่างกัน”
ญาติมิตรของผู้โดยสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนมัธยมที่กำลังจะไปทัศนศึกษาที่เกาะเชจูต่างรู้สึกโกรธแค้น และเชื่อว่าอาจจะมีคนรอดมากกว่านี้หากผู้โดยสารถูกพาไปยังจุดอพยพก่อนที่เรือจะเอียงกะเท่เร่และน้ำไหลเข้าไปเรือ
ล่าสุด ทางการเกาหลีใต้ยืนยันยอดผู้เสียชีวิตแล้ว 29 ราย และยังสูญหายอีก 273 คน
ลี วัย 69 ปี ยืนยันถ้อยแถลงของพนักงานสอบสวนเมื่อวานนี้ (18) ว่า ตนไม่ได้ทำหน้าที่ควบคุมในขณะที่เรือเฟอร์รีลำนี้เกิดปัญหา
“เวลานั้นผมกำลังเดินกลับมาที่ห้องควบคุม หลังจากไปที่ห้องนอนชั่วครู่ด้วยเหตุผลส่วนตัว” ลี กล่าว พร้อมกับยืนยันว่า “ผมไม่ได้ดื่มเหล้า”
สิ่งที่กัปตันเรือให้สัมภาษณ์ยังไม่ได้ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ จนนำมาสู่การอับปางของเรือเซวอล ระวางขับน้ำ 6,825 ตัน ลำนี้
ข้อมูลการเดินเรือของกระทรวงพาณิชย์นาวีพบว่า เรือเฟอร์รีมรณะลำนี้หักเลี้ยวอย่างกะทันหันก่อนที่จะส่งสัญญาณแจ้งเหตุในช่วงเช้าวันพุธ (16)
ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเชื่อว่า การเลี้ยวในลักษณะหักมุมในพื้นที่แคบอาจทำให้สินค้าที่มีน้ำหนักมากบนเรือ ซึ่งรวมทั้งรถยนต์มากกว่า 150 คัน เคลื่อนที่ไปอยู่ข้างเดียวกันของเรือ และทำให้เรือเสียการทรงตัวรับน้ำหนักอยู่ข้างเดียว จากนั้นก็ค่อยๆ จม แต่คนอื่นๆ สันนิษฐานว่า เหตุที่เรือหักมุมมากขนาดนั้นอาจเป็นเพราะชนเข้ากับหินโสโครก หรือวัตถุอื่นๆ ที่โผล่ขึ้นมาจากทะเล
พนักงานสอบสวน ระบุว่า ขณะเกิดเหตุกัปตันรายนี้มอบหมายหน้าที่ควบคุมเรือแก่ผู้ช่วยที่ 3
ลี ยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด และได้กล่าวขอโทษทั้งเหยื่อและครอบครัวที่ต้องสูญเสียบุคคลที่รักไปในโศกนาฏกรรมครั้งนี้
“ผมขอโทษอย่างจริงใจต่อผู้โดยสารและญาติมิตรของพวกเขาทุกคนที่เกิดเหตุเลวร้ายเช่นนี้ขึ้น”
ขณะเดียวกัน ทีมน้ำประดาน้ำซึ่งพยายามต่อสู้กับคลื่นลมแรงในทะเลมานานกว่า 2 วันท่ามกลางทัศนวิสัยที่เกือบจะเป็นศูนย์ ก็สามารถเข้าถึงห้องโดยสารของเรือเซวอลได้ในที่สุด
“นักประดาน้ำพลเรือนซึ่งมองเข้าไปทางหน้าต่างเห็นศพผู้โดยสาร 3 ร่างติดอยู่ภายใน” ชอย ซัง-ฮวาน รองผู้อำนวยการหน่วยยามฝั่งแห่งชาติ แถลงต่อญาติผู้โดยสารที่รอฟังความคืบหน้าในปฏิบัตการกู้ภัย
“พวกเขาพยายามทุบกระจกหน้าต่างเพื่อเข้าไปข้างในและนำศพออกมา แต่ก็เป็นเรื่องยากเกินไป”
นักประดาน้ำกว่า 500 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัครพลเรือนได้ลงไปค้นหาร่างผู้โดยสารที่ยังสูญหาย ขณะที่รองผู้อำนวยการ ชอย ระบุว่า หลังจากนี้จะมีการนำตาข่ายมาคลุมรอบๆ เรือเฟอร์รีเพื่อป้องกันมิให้ศพที่ติดอยู่ภายในหลุดลอยออกไป และทีมค้นหายังไม่สิ้นหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตอยู่ในช่องอากาศที่ใดสักแห่ง