อุบัติเหตุเรือเฟอร์รีพลิกคว่ำและล่มกลางทะเล นอกชายฝั่งเกาหลีใต้ในเช้าวันพุธที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา กลายเป็นหนึ่งในข่าวช็อกความรู้สึกผู้คนทั่วโลกมากที่สุดในรอบสัปดาห์ หลังจากที่ยอดผู้สูญหายจากโศกนาฏกรรมกลางสายน้ำในครั้งนี้ยังคงพุ่งสูงเกือบ 300 ชีวิต จากจำนวนผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดมากกว่า 470 คนในวันเกิดเหตุ
จนถึงขณะนี้ทีมกู้ภัยที่ถูกระดมมาจากทั่วเกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึงทีมประดาน้ำหน่วยซีลของกองทัพเรือโสมขาว ยังเร่งทำงานแข่งกับเวลาเพื่อค้นผู้ที่ยังสูญหายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเรือเฟอร์รีที่มีชื่อว่า “เซวอล” โดยข้อมูลล่าสุดที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อแขนงต่างๆทั่วโลกระบุว่า ยังคงมีผู้สูญหายไปในทะเลที่หนาวเหน็บกว่า 300 คน และส่วนใหญ่เป็นนักเรียนจาก “โรงเรียนมัธยมดันวอน” แห่งเมืองอันซานที่อยู่ระหว่างเดินทางไปทัศนศึกษายังแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง “เกาะเจจู”
ทางการเกาหลีใต้ยืนยันในเบื้องต้นถึงการพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย ขณะที่ข้อมูลจากหน่วยยามฝั่งเกาหลีใต้ระบุพวกเขาสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ได้ 179 คน จากจำนวนผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 475 ชีวิต
บรรดาญาติมิตร ตลอดจนทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัยเกาหลีใต้ยอมรับว่า ความหวังในการพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมจากอุบัติเหตุครั้งนี้ “ค่อนข้างริบหรี่” ลงทุกขณะ เพราะถึงแม้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเร่งทำงานแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาผู้ที่ยังคงสูญหาย แต่ทีมค้นหาก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญจากสภาพอาการที่แปรปรวน และคลื่นลมกำลังแรง ที่ขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงด้านในของตัวเรือที่คาดว่า อาจมีผู้ที่สูญหายติดค้างอยู่เป็นจำนวนมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศในเกาหลีใต้ให้ความเห็นว่า ผู้สูญหายทั้งหมดที่มีจำนวนเกือบ 300 ชีวิตอาจเสียชีวิตทั้งหมดแล้ว เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำทะเลในบริเวณที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในระดับ “เย็นยะเยือก” เพียง 12.6 องศาเซลเซียส ซึ่งร่างกายของมนุษย์โดยทั่วไป มิอาจอยู่ในน้ำที่มีความเย็นระดับนี้ได้นานเกินกว่า 20 นาที
ในตอนแรก รัฐบาลเกาหลีใต้แถลงว่า สามารถช่วยเหลือผู้อยู่บนเรือเฟอร์รีลำนี้ได้แล้วถึง 368 คน อย่างไรก็ดี ได้มีการแก้ไขตัวเลขผู้รอดชีวิตในเวลาต่อมา โดยทาง อี กย็อง-อ๊อก รองรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและการบริหารรัฐกิจของเกาหลีใต้ออกมายอมรับในเวลาต่อมาว่า สามารถช่วยผู้รอดชีวิตได้ราวครึ่งหนึ่งเท่านั้น จากยอดที่มีการประกาศไว้ในตอนแรกส่งผลให้ยอดผู้สูญหายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 291 รายในทันที และยังทำให้เกิดความกังวลว่า ยอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริง อาจสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
รายงานข่าวระบุว่า เรือเฟอร์รีเซวอล ซึ่งมีระวางขับน้ำ 6,825 ตัน ลำนี้ เริ่มเกิดการ “เอียงข้าง” อย่างรุนแรง โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด จากนั้นก็เกิดการพลิกคว่ำและในที่สุดก็จมลง ในบริเวณน่านน้ำห่างจากชายฝั่งด้านใต้ของเกาะบยองปุง (Byungpoong Island) ราว 20 กิโลเมตร
โดยการอับปางของเรือลำนี้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นับจากที่ลูกเรือได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉินเมื่อเวลา 9.00 น.ของวันพุธ (16) ตามเวลาท้องถิ่นของเกาหลีใต้ ซึ่งตรงกับเวลาประมาณ 7.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย
หลังข่าวอุบัติเหตุถูกเผยแพร่ออกไป ทางการเกาหลีใต้เผยว่า มีเรือจำนวน 34 ลำ และเฮลิคอปเตอร์อีก 18 ลำรวมถึงทีมนักประดาน้ำจากหน่วยซีลแดนโสมขาวเกือบ 200 คน เข้าร่วมในปฏิบัติการกู้ภัยทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีของเกาหลีใต้ ขณะที่กองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯได้จัดส่งเรือสะเทินน้ำสะเทินบกยูเอสเอส บอนออมม์ ริชาร์ด (USS Bonhomme Richard) ที่กำลังตรวจการณ์อยู่ทางตะวันตก ของคาบสมุทรเกาหลี ไปให้ความช่วยเหลือต่อภารกิจครั้งนี้
จนถึงขณะนี้ ทางการเกาหลีใต้ ยังคงไม่สามารถสรุปสาเหตุของโศกนาฏกรรมกลางสายน้ำ ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ได้อย่างแน่ชัด เนื่องจากในขณะที่เกิดเหตุนั้น มีรายงานว่าสภาพอากาศโดยทั่วไปยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ เฉกเช่นเดียวกับคลื่นลมในทะเล ท่ามกลางกระแสข่าวที่อ้างจากผู้โดยสารที่ได้รับการช่วยเหลือหลายรายที่ระบุว่า เรือเฟอร์รีลำนี้เกิดหยุดและมีอาการสั่นอย่างกะทันหัน ตามมาด้วยเสียงที่ดังสนั่น ซึ่งอาจเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า เรืออาจเกยก้อนหินโสโครกขนาดใหญ่ใต้ทะเล
ล่าสุดในวันศุกร์ (18) ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเรือเฟอร์รี “เซวอล” พลิกคว่ำและอับปาง บริเวณนอกชายฝั่งทางตอนใต้ของเกาหลีใต้เมื่อวันพุธ (16) ได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 25 ราย ขณะที่ยอดผู้สูญหายล่าสุดยังมีสูงถึง 271 คน และคาดว่าทั้งหมดอาจเสียชีวิตแล้ว
รายงานข่าวระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันโดยทางการเกาหลีใต้ จากอุบัติเหตุที่เกิดกับเรือเฟอร์รีลำดังกล่าวได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 25 ราย ขณะที่ยอดผู้สูญหายยังมีสูงถึง 271 คนจากจำนวนผู้โดยสาร 475 ชีวิตในวันที่เกิดเหตุ
ขณะที่แหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยยามฝั่งเกาหลีใต้ รวมถึง นักประดาน้ำจากหน่วยซีล ของกองทัพเรือโสมขาว เผยว่า โอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมจากอุบัติเหตุครั้งนี้แทบเป็นศูนย์ โดยคาดว่าผู้สูญหายทั้งหมดน่าจะเสียชีวิตแล้ว รวมถึง ผู้ที่ยังติดค้างนับร้อยรายอยู่ภายในตัวเรือเฟอร์รีลำดังกล่าว แม้บรรดาสมาชิกในครอบครัวของผู้สูญหายจะยังคงรวมตัวกันสวดภาวนาอย่างมีความหวังตามสถานที่ต่างๆ รวมถึง ที่โรงเรียนมัธยมดันวอนในเมืองอันซาน ซึ่งมีนักเรียนและครูจำนวนมากอยู่บนเรือเซวอล ในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไปทัศนศึกษายังเกาะเจจู
ล่าสุดสถานีโทรทัศน์ในเกาหลีใต้รายงานว่า เรือเฟอร์รีเซวอล “ทั้งลำ” ได้จมลงสู่ทะเลแล้ว และไม่มีส่วนใดของตัวเรือที่ยังอยู่เหนือผิวน้ำอีก ซึ่งนั่นหมายความว่า โอกาสพบผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ แทบไม่มีความเป็นไปได้ใดๆหลงเหลืออยู่
ในส่วนของกระบวนการสอบสวนของทางการเกาหลีใต้นั้น ล่าสุดมีข้อมูลว่า ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ อี จุน ซอค กัปตันเรือวัย 69 ปีอาจมิได้ทำหน้าที่ของตนอยู่บริเวณสะพานเรือ โดยพบหลักฐานว่า มีเจ้าหน้าที่ระดับล่างซึ่งมีประสบการณ์ต่ำทำหน้าที่ควบคุมการเดินเรือในขณะเกิดเหตุ
ขณะที่กัปตันเรือรายนี้ซึ่งตกเป็นข่าวว่าได้หนีเอาตัวรอดออกมาจากเรือเฟอร์รีเซวอล โดยไม่สนใจชะตากรรมของเหล่าผู้โดยสาร ได้ออกมาแถลงขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับบริษัทต้นสังกัดของเขา แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ถือเป็นความสูญเสียทางน้ำที่เลวร้ายที่สุดในรอบมากกว่า 20 ปีของเกาหลีใต้ และถึงแม้ความหวังในการพบผู้รอดชีวิตในน่านน้ำที่เย็นยะเยือกนี้จะลดน้อยถอยลงตามเข็มนาฬิกาที่เดินหน้าไปในทุกๆวินาที แต่ความหวังแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังคงเป็นเพียงแสงเทียนเล็กๆที่ส่องสว่างในความมืด โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวที่ยังคงรอคอยข่าวของบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขา ที่ยังคงหวังว่าจะมี “ปาฏิหาริย์” เกิดขึ้น