เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (8) สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้ทรงเป็นเจ้าภาพรับรองอาหารค่ำหรูหราต้อนรับประธานาธิบดีไอร์แลนด์ ไมเคิล ดี.ฮิกกินส์ ในระหว่างการเยือนอังกฤษเป็นเวลา 4 วัน ที่ในงานนี้มีมาร์ติน แม็คกินเนส อดีตผู้บัญชาการขบวนการ IRA เข้าร่วม ที่ วิกเตอร์ บาร์เกอร์ ถือป้ายประท้วงอยู่หน้าพระราชวัง ร้องหาความเป็นธรรมให้กับบุตรชาย เจมส์ ที่ถูกสังหารจากระเบิดที่โอมากห์ในปี 1998
ซึ่งในการเลี้ยงต้อนรับในพระราชวังวินด์เซอร์ที่หรูหรา ด้วยโต๊ะจัดเลี้ยงขนาด 160 ที่นั่ง โดยมีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นองค์ประธานนั้นมีชื่อ มาร์ติน แม็คกินเนส อดีตผู้บัญชาการขบวนการ IRA เป็นแขกเข้าร่วมด้วยเมื่อวานนี้ (8)
ทั้งนี้ วิกเตอร์ บาร์เกอร์ ที่สูญเสียบุตรชายเจมส์จากการวางระเบิดของขบวนการ IRA ในปี 1998 ได้ถือป้ายประท้วงยืนหน้าพระราชวังที่มีข้อความว่า “ผู้ก่อการร้ายที่ซ่อนอยู่ในครบงานชุดสูทงานเลี้ยงรับรองอย่างเป็นทางการก็ยังเป็นผู้ก่อการร้ายอยู่วันยังค่ำ มาร์ติน แม็คกินเนส ถึงเวลาที่ต้องพูดความจริงแล้ว”
หลังจากข่าวการออกบัตรเชิญแม็คกินเนสที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมนี้แพร่ออกไปสู่สาธารณะ ทำให้เป็นที่วิพากษ์อย่างกว้างขวางไปทั่วในเดือนที่ผ่านมา โดยลอร์ด เท็บบิต นักการเมืองชั้นแนวหน้าของอังกฤษที่รอดตายจากการวางระเบิดของ IRA ในปี 1984 ที่โรงแรมแกรนด์โฮเตลในไบรต์ตัน ให้ความเห็นว่า “ถ้าผมเป็นองค์สมเด็จพระราชินีนาถ คงต้องหาเหตุผลอย่างหนักในการหาเหตุผลที่จะไม่เชิญแม็คกินเนสมาที่บ้านของผม”
อย่างไรก็ตาม ความคิดที่จะเชิญสมาชิกขบวนการ IRA เข้าร่วมงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากย้อนหลังกลับไปไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ แต่ทว่านับตั้งแต่ลอร์ดเมาท์แบตัน พระญาติของสมเด็จพระราชินีอังกฤษ เอลิซาเบธที่ 2 ถูกขบวนการ IRA ลอบสังหารไปเมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว ในปี 2012 พระประมุขแห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษทรงตกลงที่จะพบกับแม็คกินเนสเป็นครั้งแรก ซึ่งการจับมือครั้งประวัติศาสตร์ได้สั่นสะเทือนไปทั่วเบลฟาสต์
กองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ หรือ IRA เป็นชื่อขบวนการของชนกลุ่มน้อยชาวไอริส-คาทอลิกในดินแดนตอนเหนือของเกาะไอร์แลนด์ที่ต่อสู้ด้วยอาวุธกับกองกำลังทหารอังกฤษและชนส่วนใหญ่ชาวสก๊อต-โปรแตสแตนท์ ด้วยวิธีการต่างๆ อาทิ การซุ่มโจมตี การลอบสังหารการปล้นธนาคาร รวมทั้งการใช้ยุทธวิธีโดยการวางระเบิดเป้าหมายที่เป็นพลเรือนมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 30 ปี
ในปี 1998 กลุ่มกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (IRA) และซินเฟน (Sinn Fein) ได้ประกาศสงบศึกโดยมีการลงนามในสนธิสัญญากับกลุ่มไอริชอื่นๆ และอังกฤษ แต่การโต้แย้งในประเด็นเรื่องการปลดอาวุธได้ทำให้ความพยายามในการสร้างสันติภาพต้องล่าช้า จนทำให้สมาชิกบางคนของกลุ่มกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (IRA) ไม่พอใจและได้แยกตัวออกจากองค์กรใหญ่ในปี 1999 แล้วประกาศให้กลุ่มตนเองเป็นกลุ่มกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (IRA) แท้จริงแล้ว กลุ่มกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (IRA) ใหม่นี้ ได้ปฏิบัติการรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายการโจมตีหลักมักเป็นเจ้าหน้าที่ทางทหารของอังกฤษ นักการเมือง ผู้ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะกิจให้แก่รัฐบาลไอร์แลนด์เหนือ สมาชิกของกองกำลังอาสาสมัคร Ulster (Ulster Volunteer Force) ตลอดจนประชาชน พลเรือนทั้งที่อยู่ในประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์เหนือ จากการปฏิบัติการของกลุ่มกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (IRA) ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากหลายพันคนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา