เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ทางการรัสเซียยืนยันว่ายอดการนำเข้าสินค้าจากยูเครนมายังรัสเซียลดลง 30.5 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้
สำนักงานศุลกากรกลางรัสเซีย ยืนยันในวันจันทร์ (7 เม.ย.) โดยระบุว่ายอดการนำเข้าสินค้าจากยูเครนเข้ามายังแดนหมีขาวลดลง 30.5 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีนี้ เมื่อเทียบกับยอดการนำเข้าที่ 2,200 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ยอดการส่งออกสินค้า “เมด อิน รัสเซีย” ไปยังยูเครนในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ กลับปรับเพิ่มสูงขึ้นราว 2.3 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นวงเงินกว่า 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2013
ด้าน อเล็กเซ ลิคาชอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาทางเศรษฐกิจของรัสเซียออกมาเปิดเผยว่า แนวโน้มการนำเข้าสินค้าจากยูเครนมายังรัสเซียจะยังคงลดลงต่อเนื่องต่อไปตราบใดที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองยังไม่คลี่คลายความตึงเครียดและกลับสู่ภาวะปกติ
“ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งยืนยันว่ายูเครนยังคงต้องพึ่งพารัสเซีย แต่รัสเซียไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อยที่ต้องพึ่งพาสินค้าใดๆ จากยูเครน” ลิคาชอฟ กล่าวเสริม พร้อมยืนยันว่าการที่ยอดการนำเข้าสินค้าจากยูเครนมายังรัสเซียลดลงต่อเนื่องนั้น มิได้เป็นเพราะรัฐบาลมอสโกนำมาตรการกีดกันทางการค้ามาใช้ตามที่โลกตะวันตกกล่าวหา
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนอยู่ในภาวะเสื่อมทรามที่สุดในรอบหลายสิบปี หลังจากรัฐบาลยูเครนภายใต้การนำของประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูโควิชที่มีจุดยืน “โปรรัสเซีย” ถูกโค่นอำนาจโดยกระบวนการทางการเมืองของฝ่ายที่ “โปรตะวันตก”
ขณะที่สาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียที่เคยรวมอยู่กับยูเครน แต่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชนเชื้อสายรัสเซียก็ได้จัดการลงประชามติปลดแอกตัวเองจากยูเครน และยอมถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งกับรัสเซีย ท่ามกลางเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลใหม่ของยูเครนเป็นรายวันโดยกลุ่มชนเชื้อสายรัสเซียทางภาคตะวันออกของประเทศ ที่ต้องการเดินตามรอยไครเมีย ในการรวมเข้ากับรัสเซีย