“แมคโดนัลด์” ปิดสาขาในไครเมีย ผลกระทบจากวิกฤตตึงเครียดรัสเซีย-ตะวันตก

รอยเตอร์ส - แมคโดนัลด์แถลงในวันศุกร์ (4) ปิดให้บริการสาขาต่างๆ ในไครเมีย อันมีต้นตอจากความกลัวต่อปฏิกิริยารุนแรง หลังจากนักการเมืองชื่อดังของมอสโก เรียกร้องขับไล่เหล่าเครือข่ายร้านอาหารจานด่วนของสหรัฐฯพ้นจากรัสเซีย ท่ามกลางความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างเครมลินกับชาติตะวันตก หลังจากมอสโกผนวกไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน

การผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของรัสเซีย ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับจากยูเครนและชาติตะวันตก ก่อความกังวลแก่เหล่าบริษัทต่างๆที่เข้ามาลงทุนในแหลมซึ่งตั้งอยู่ในทะเลดำแห่งนี้ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะสร้างผลกระทบกับธุรกิจของพวกเขามากน้อยแค่ไหน

แม้ว่าแมคโดนัลด์ ไม่ได้พาดพิงถึงสถานการณ์ทางการเมืองในถ้อยแถลง แต่การตัดสินใจออกจากไครเมีย น่าจะเป็นผลจากร้าวฉานในความสัมพันธ์ระหว่างตะวันตกกับรัสเซีย ที่เวลานี้ดิ่งสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น

“สืบเนื่องจากเหตุผลหลายอย่างในทางปฏิบัติที่เกินกว่าการควบคุม แม็คโดนัลด์จึงตัดสินใจปิดสาขา 3 แห่งชั่วคราว ในซิมเฟโรโปล เซวาสโตโปลและยัลตา” โฆษกระบุ ขณะที่จากข้อมูลพบว่าสาขาต่างๆ ในไครเมียนั้นไม่ใช่แฟรนไชส์ แต่ดูแลและบริหารงานโดยแมคโดนัลด์เอง

ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียและยูเครน เลวร้ายลงนับตั้งแต่มอสโกผนวกไครเมียเมื่อเดือนก่อน ตอบโต้กรณีที่ประธานาธิบดี วิกตอร์ ยานูโควิช ซึ่งพวกเขาให้การสนับสนุน ถูกโค่นจากอำนาจ ตามหลังการประท้วงบนท้องถนนในกรุงเคียฟยาวนานหลายเดือน

เมื่อวันพฤหัสบดี (3) รัสเซียปรับขึ้นราคาก๊าซที่ขายให้แก่ยูเครนเป็นครั้งใน 2 ในรอบสัปดาห์ เพิ่มแรงกดดันแก่ชาติเพื่อนบ้านที่กำลังอยู่บนขอบเหวแห่งการล้มละลาย ทั้งนี้ บ่อยครั้งที่มอสโก ใช้พลังงานเป็นอาวุธทางการเมืองเพื่อจัดการกับเหล่าชาติเพื่อนบ้าน และเวลานี้ผู้บริโภคในยุโรปก็พากันเป็นกังวลว่าบางทีรัสเซียอาจจะตัดการส่งมอบก็เป็นได้ ขณะที่เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เคียฟ ก็ตอบโต้ด้วยห้ามบริษัทอาหารเครมลิน 7 แห่ง จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายในอาณาเขตของยูเครนชั่วคราว

แม้แมคโดนัลด์ บอกว่าหวังจะกลับมาเปิดบริการในไครเมียโดยเร็วที่สุด แต่อีกด้านหนึ่งก็เตรียมย้ายพนักงานไปประจำในแผ่นดินใหญ่ของยูเครน นั่นจึงเป็นสัญญาณว่าสาขาต่างๆ ในแหลมแห่งนี้คงไม่กลับมาเปิดบริการในอนาคตอันใกล้นี้แน่ๆ

การตัดสินใจของบริษัทสหรัฐฯ สร้างความพึงพอใจแก่นายวลาดิมีร์ ซีรีนอฟสกี รองประธานรัฐสภารัสเซีย ซึ่งมักใช้โวหารต่อต้านตะวันตกและเคยออกมาเรียกร้องให้ แมคโดนัลด์ ถอนธุรกิจออกไปจากรัสเซียทั้งหมดด้วยเลยยิ่งดี “คงเป็นเรื่องดี หากพวกเขาปิดบริการที่นี่ด้วย การหายไปของพวกเขาถือเป็นเรื่องดี และเป๊ปซี่-โคลา ก็ควรเป็นรายต่อไป” เขากล่าว

ปัจจุบัน แมคโดนัลด์ มีร้านเปิดบริการในรัสเซียมากกว่า 400 สาขา หลังจากเป็นเครือข่ายร้านอาหารจานด่วนนานาชาติแห่งแรกที่บุกเบิกตลาดรัสเซีย โดยสาขาแรกเปิดบริการที่จัตุรัสพุชกินในมอสโก ก่อนที่สหภาพโซเวียตจะล่มสลายด้วยซ้ำ

คาดหมายว่าปฏิกิริยารุนแรงของชาวรัสเซียต่อผลิตภัณฑ์ของแมคโดนัลด์ น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยต่อกำไรของบริษัทแห่งนี้พอสมควร ด้วยแมคโดนัลด์ มองว่ารัสเซียเป็น 1 ใน 7 ตลาดหลักของบริษัท นอกเหนือจากสหรัฐฯและแคนาดา อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งรัสเซียเอง ก็อาจได้รับผลกระทบเช่นเดียว โดยเฉพาะกับเหล่าซัปพลายเออร์ที่จัดหาสินค้าแก่แมคโดนัลด์