xs
xsm
sm
md
lg

พบ “สนง.กฏหมายในชิคาโก” ถูกหน่วยงานมั่นคงออสซีและNSAสอดแนมใน “อินโดนีเซีย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - บริษัทกฏหมายสหรัฐฯแห่งหนึ่งถูกหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ NSAและหน่วยงานความมั่นคงออสเตรเลีย “ซิกนอลส์ ไดเรกทอเรต” หรือ ASD แอบสอดแนม อ้างจากรายงานที่ถูกเปิดเผยในวันเสาร์(15) ซึ่งหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ได้รายงานว่า เอกสารของหน่วยงานลับNSAที่ถูกเปิดเผยโดยเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดนได้ชี้ว่า บริษัทกฏหมายสัญชาติอเมริกันเมเยอร์ บราว์น จากชิคาโกแห่งนี้ถูก NSAสอดแนมในขณะที่เป็นตัวแทนให้กับรัฐบาลอินโดนีเซียในการให้คำปรึกษาด้านกฏหมายเพื่อเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

อ้างจากนิตยสารไทม์ รัฐบาลอินโดนีเซียได้ว่าจ้างบริษัทกฏหมายเมเยอร์ บราว์น จากชิคาโกเพื่อเจรจาทางการค้าซึ่งบริษัทกฏหมายแห่งนี้ถูกหน่วยงานความมั่นคงออสเตรเลีย “ซิกนอลส์ ไดเรกทอเรต” หรือ ASD แอบสอดแนม และได้แชร์ข้อมูลร่วมกับNSA

ในปี 2013 สโนว์เดนได้เปิดเผยเอกสารลับNSAหลายหมื่นฉบับสู่สื่อมวลชน รวมถึงหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษ และหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของสหรัฐฯ ซึ่งลอรา พอแตรส เป็นหนึ่งในนักข่าวที่ได้รับข้อมูลได้เสนอผ่านนิตยสารไทม์

ในเอกสารหน่วยงานNSAที่ประทับตราเดือนกุมภาพันธ์ 2013ซึ่งเป็นหมายกำหนดการประจำเดือนของแผนกประสานงานประจำกรุงแคนเบอร์ราได้ระบุหมายเหตุว่า “ข้อมูลที่ได้มาจากเอกสิทธิ์ทางความลับระหว่างผู้มอบอานาจกับลูกความ (attorney-client privilege) อาจรวมอยู่ในนั้น” เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ได้ถูกเชร์ ซึ่งหัวหน้าฝ่ายกฏหมายของNSAได้สนับสนุนให้หน่วยงาน ASDยังคงทำการสอดแนมการสนทนาระหว่างสำนักงานกฎหมายสหรัฐฯเมเยอร์ บราว์น และรัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อ “ลูกค้าของสหรัฐฯที่รู้สึกสนใจ”

แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครเป็น “ลูกค้าของสหรัฐฯที่รู้สึกสนใจนี้”

เป็นเพราะกฏหมายสหรัฐฯไม่อนุญาตให้หน่วยงานNSAสามารถสอดแนมพลเมืองสหรัฐฯหรือธุรกิจสหรัฐฯโดยไม่ได้ขอหมายจากศาลก่อนถึงแม้ว่าทางหน่วยงานสามารถรวบรวมข้อมูลเมธาดาต้าจากการสื่อสารระหว่างพลเมืองอเมริกันและเป้าหมายต่างชาติซึ่งเอกสารสโนว์เดนก่อนหน้านั้นชี้ว่า NSAได้รวบรวมข้อมูลทางโทรศัพท์ของพลเมืองสหรัฐฯหลายล้านคน

นอกจากนี้หน่วยงานNSAยังต้องมีเรื่องร้อนๆหลังถูกแฉว่าได้แอบดักฟังผู้นำต่างชาติ รวมถึงนายกรัฐมนตรีเยอรมันอังเกลา แมร์เคิล และยังได้แอบดักฟังเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ในเดือนพฤศจิกายน 2013 มีรายงานเปิดเผยว่าสหรัฐฯและออสเตรเลียได้ร่วมมือแอบดักฟังการประชุมว่าด้วยสภาพอากาศขององค์การสหประชาชาติในปี 2007ที่จัดขึ้นในอินโดนีเซีย ซึ่งจากการเปิดเผยครั้งนี้สร้างความอับอายทางการทูตให้กับรัฐบาลแดนจิงโจ้เป็นอันมาก

ซึ่งในขณะนั้นอินโดนีเซียมีข้อขัดแย้งทางการค้ากับกรุงวอชิงตันและหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ได้รายงานว่า สำนักงานกฏหมายเมเยอร์ บราว์น จากชิคาโก ได้ให้คำที่ปรึกษาด้านกฏหมายกับรัฐบาลอินโดนีเซียในขณะนั้น อ้างจากเอกสารลับNSA ซึ่งดูแอน เลย์ตัน ทนายความจากสำนักงานกฏหมายเมเยอร์ บราว์น ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาในครั้งนั้นได้เปิดเผยกับไทม์ส์ว่า “ผมได้แต่สงสัยว่ามีใครสักคนกำลังฟังอยู่อย่างเงียบๆ เพราะคุณต้องเป็นคนปัญญาอ่อนแน่นอนหากไม่สงสัยเลยในปัจจุบันนี้ แต่ผมไม่คิดเลยว่าตนเองต้องเป็นเหยื่อการดักฟัง” นอกจากนี้นักฏหมายจากสำนักงานกฏหมายเมเยอร์ยังกล่าวเสริมว่า “ไม่มีเรื่องไหนเลยที่มันดูน่าสนใจ มันก็งั้นๆ”

นับตั้งแต่เรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมาได้ยืนยันว่าบริษัทสหรัฐฯที่ได้ให้บริการกับลูกค้าต่างชาติจะไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่าบริษัทพวกนั้นจะไม่ถูกแอบสอดแนม

อย่างไรก็ตามNSAปฎิเสธที่จะให้ความเห็นที่ถูกเปิดเผยล่าสุดนี้
รัฐบาลจีนตั้งจุดฉุกเฉินรองรับ “เด็กทารกป่วย-พิการ” ที่พ่อแม่จีนสมัยใหม่แอบทิ้งไว้ข้างถนน
รัฐบาลจีนตั้งจุดฉุกเฉินรองรับ “เด็กทารกป่วย-พิการ” ที่พ่อแม่จีนสมัยใหม่แอบทิ้งไว้ข้างถนน
ในยุคปัจจุบันที่ถึงแม้นโยบายมีบุตรคนเดียวที่ผ่อนคลาายลง แต่ถึงกระนั้น พ่อแม่ชาวจีนสมัยใหม่ยังคงแอบนำทารกแรกคลอดทิ้งไว้ในที่สาธารณะ เช่น ถังขยะ หรือบนรถไฟ ซึ่งกระแสทิ้งเด็กทารกเพศหญิงเช่นในอดีตได้เปลี่ยนเป็นการทิ้งทารกแรกคลอดที่พิการหรือป่วยแทน จากสาเหตุขาดระบบประกันสุขภาพที่ดีในจีน ทำให้รัฐบาลจีนต้องมีนโยบายรองรับเด็กทารกที่ทอดทิ้งนี้โดยการตั้งจุดฉุกเฉิน ซึ่งเรียกว่า “เกาะทารกปลอดภัย” เพื่อให้เด็กทารกถูกทิ้งในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
กำลังโหลดความคิดเห็น