เอเอฟพี - ผลสำรวจชี้ชาวอเมริกัน 3 ใน 4 เชื่อว่า “กัญชา” จะสามารถหาซื้อและเสพได้อย่างถูกกฎหมายทั่วทั้งสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้
ผลสำรวจโดยสถาบันวิจัยพิวซึ่งเผยแพร่เมื่อวานนี้ (2) พบว่า ชาวอเมริกันผู้ตอบคำถามร้อยละ 54 คิดว่ารัฐบาลควรอนุญาตให้จำหน่ายและเสพกัญชาอย่างถูกกฎหมายเสียที ขณะที่ร้อยละ 42 ไม่เห็นด้วยกับการเปิดเสรีเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 75 เชื่อว่าการจำหน่ายและเสพกัญชาจะกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายทั่วทุกรัฐในอนาคต ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเช่นนี้
“สังคมอเมริกันดูเหมือนจะอยากพักรบในสงครามต่อต้านยาเสพติดที่มีมานาน” บทสรุปในรายงานของสถาบันพิวระบุ
รัฐโคโลราโดและวอชิงตันออกกฎหมายอนุญาตให้ประชาชนเสพกัญชาเพื่อความบันเทิงได้แล้ว ขณะที่อีก 21 รัฐและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อนุญาตให้แพทย์สั่งจ่ายกัญชาแก่คนไข้เพื่อการรักษาโรคได้
ตามกฎหมายรัฐบาลกลาง กัญชายังเป็นยาเสพติดผิดกฎหมายไม่ต่างจากเฮโรอีนและยากล่อมประสาทจำพวกแอลเอสดี และเมื่อวานนี้ (2) ผู้อำนวยการสำนักงานปราบปรามยาเสพติด (ดีอีเอ) ก็เรียกร้องให้สภาคองเกรสยึดถือจุดยืนที่แข็งกร้าวเช่นเดิมไว้
“การปราบปรามยาเสพติดเป็นภารกิจที่เราทำสืบเนื่องกันมาหลายต่อหลายรุ่น เราไม่อาจเอาชนะมันได้ในชั่วข้ามคืน” มิเชล เลียนฮาร์ต แถลงต่อคณะกรรมการงบประมาณแห่งสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้มีการจัดสรรงบสนับสนุนดีอีเอเพิ่มขึ้น
เลียนฮาร์ตระบุว่า สถิติผู้ป่วยที่ใช้ห้องฉุกเฉินโดยมีสาเหตุจากการเสพกัญชาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 48 ระหว่างปี 2007-2011 เป็นรองก็แต่เพียง “โคเคน” เท่านั้น
ผลวิจัยของสถาบันพิวสรุปจากการโทรศัพท์สอบถามความเห็นชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ 1,821 คนระหว่างวันที่ 14-23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีค่าความผิดพลาดบวกลบไม่เกิน 2.6%
2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรเน้นมาตรการบำบัดรักษาผู้ที่ใช้สารเสพติดร้ายแรง เช่น เฮโรอีน และโคเคน และร้อยละ 63 ก็เห็นด้วยที่รัฐบาลท้องถิ่นของบางรัฐยกเลิกบทลงโทษสำหรับผู้ใช้สารเสพติดที่ไม่อันตรายมาก อย่างไรก็ดี ร้อยละ 63 บอกว่าพวกเขาไม่ชอบที่จะเห็นคนสูบกัญชาในที่สาธารณะ และ 4 ใน 10 คนไม่สบายใจหากจะมีร้านจำหน่ายกัญชามาเปิดในละแวกบ้านของตน
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจโดยเว็บไซต์ WebMD และ Medscape ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้(2) ระบุว่า แพทย์ในสหรัฐฯร้อยละ 67 มองว่ากัญชาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ป่วย ร้อยละ 69 ชี้ว่ากัญชามีส่วนช่วยรักษาอาการบางอย่าง เช่น ความผิดปกติที่ทำให้ร่างกายเกิดการชักกระตุก, ความเจ็บปวดเรื้อรังจากมะเร็งและบาดแผล รวมถึงอาการคลื่นไส้ที่เกิดจากยา
นักวิทยาเนื้องอกและนักโลหิตวิทยาเป็นกลุ่มที่สนับสนุนการใช้กัญชาในเชิงการแพทย์มากที่สุดถึงร้อยละ 82 ในขณะที่นักประสาทวิทยาได้รับคำถามจากคนไข้มากที่สุดว่ากัญชาจะช่วยคลายความเจ็บปวดให้พวกเขาได้หรือไม่
ผลโพลของ WebMD และ Medscape สรุปจากการสอบถามความเห็นแพทย์ 1,544 คน โดยมีค่าความผิดพลาดบวกลบไม่เกิน 1.8%