“ยูเครน” เล็งซ้อมรบพันธมิตรนาโต “รัสเซีย” ระบุยึดค่ายทหารในไครเมียทั้งหมดแล้ว

เอเจนซีส์ - ผู้นำยูเครนชงเรื่องเข้าสภาขออนุมัติการซ้อมรบร่วมกับพันธมิตรนาโต ปูทางกองกำลังอเมริกันเข้าประชิดทหารรัสเซียในไครเมียโดยตรง พร้อมกับที่มอสโกประกาศว่า กองกำลังหมีขาวเข้าควบคุมฐานทัพและที่ตั้งทางทหารทั้งหมดของยูเครนบนคาบสมุทรทะเลดำแล้ว อย่างไรก็ดี ตะวันตก-เครมลินมีท่าทีประนีประนอมมากขึ้น

วันพุธที่ผ่านมา (26) โอเล็กซานเดอร์ ตูร์ชินอฟ รักษาการประธานาธิบดียูเครนแถลงต่อรัฐสภาว่า ยูเครนต้องการเข้าร่วมกับสมาชิกองค์การสนธิสัญญาปกป้องแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในการซ้อมรบตอนช่วงฤดูร้อนนี้ ที่ใช้ชื่อรหัสว่า “ราปิด ไทรเดนต์” และ “ซีบรีซ” รวมทั้งยังกำลังวางแผนร่วมซ้อมรบอีกสองครั้งกับโปแลนด์ ซึ่งก็เป็นสมาชกนาโต ตลอดจนซ้อมปฏิบัติการภาคพื้นดินกับมอลโดวา และโรมาเนีย ทั้งนี้ โรมาเนีย เป็นสมาชิกนาโตเช่นเดียวกัน

เป็นที่คาดว่า การซ้อมรบซีบรีซจะรบกวนจิตใจมอสโกอย่างมาก เนื่องจากหลายครั้งที่ผ่านมาเคยจัดขึ้นในไครเมีย ก่อนย้ายไปซ้อมบริเวณเมืองโอเดสซาในทะเลดำ ที่ฐานทัพเรือของยูเครนตั้งอยู่

ย้อนกลับไปวันอังคาร (25) กองทหารของเครมลินได้บุกยึดเรือรบยูเครนลำสุดท้ายในไครเมีย และประกาศว่า สามารถควบคุมทางทหารโดยสิ้นเชิงบนคาบสมุทรแห่งนี้ที่มีประชากร 2 ล้านคน และส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย

ทั้งนี้ วันที่ 1 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ได้รับอนุมัติจากรัฐสภารัสเซียให้ส่งกำลังทหารเข้าสู่ไครเมีย ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเขตปกครองตนเองภายใต้ยูเครน หลังจากการประท้วงยืดเยื้อ 3 เดือนในเคียฟนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลยูเครนที่ภักดีต่อเครมลิน และแต่งตั้งกลุ่มผู้นำใหม่ที่สนับสนุนตะวันตก

วิกฤตความมั่นคงนี้ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้าครั้งร้ายแรงที่สุดหลังยุคสงครามเย็น และกระตุ้นให้สหภาพยุโรป (อียู) เร่งหาทางลดการพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลงในวันอังคาร เมื่อประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ และพันธมิตรกลุ่ม จี7 ตกลงชะลอการใข้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ เว้นแต่มอสโกบุกรุกดินแดนส่วนอื่นของยูเครน นอกเหนือจากไครเมีย

โอบามาแถลงภายหลังการปิดประชุมสุดยอดความมั่นคงด้านนิวเคลียร์ที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ว่า รัสเซียต้องไม่เคลื่อนย้ายกำลังพลจากไครเมียเข้าสู่ส่วนอื่นๆ ของยูเครน แต่สำทับว่า นานาชาติยังคงไม่ยอมรับการผนวกไครเมียของรัสเซียเช่นเดิม

เขายังเรียกร้องให้ปูตินปล่อยให้ชาวยูเครนเลือกอนาคตของตัวเองโดยไม่ใช้กำลังข่มขู่ และแสดงความเชื่อมั่นว่า ชาวยูเครนจะเลือกสานสัมพันธ์กับทั้งอียูและมอสโก แทนที่จะเลือกข้างใดข้างหนึ่ง

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่อาวุโสที่ร่วมเดินทางกับโอบามาด้วยเผยว่า ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมหารือกับเลขาธิการใหญ่นาโตเกี่ยวกับมาตรการรูปธรรมเพื่อยืนยันความมุ่งมั่นในการปกป้องพันธมิตรในยุโรปจากความก้าวร้าวใดๆ ก็ตาม

เช่นเดียวกัน หลังจากที่เยาะเย้ยการตัดสินใจของตะวันตกที่จะไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอด จี8 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพในเดือนมิถุนายนนี้ ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกปูตินแถลงว่า รัสเซียยังพร้อมติดต่อกับสมาชิก จี8 ชาติอื่นๆ ในทุกระดับ

มอสโกยังมีท่าทีประนอมมากขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากรัฐมนตรีช่วยเศรษฐกิจแถลงว่า เงินทุนถึง 70,000 ล้านดอลลาร์อาจไหลออกนอกประเทศระหว่างไตรมาสแรกปีนี้

นอกจากนั้น เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้ยอมพบกับแอนดรี เดสชิตเซีย รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนเป็นครั้งแรก แม้เครมลินยังคงไม่ยอมรับรัฐบาลรักษาการของยูเครนก็ตาม

ขณะเดียวกัน มอสโกยังยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบขององค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) เริ่มปฏิบัติหน้าที่ในยูเครน หลังจากถกเถียงกันมานานเกี่ยวกับขอบเขตการปกครองของยูเครน ซึ่งรัสเซียยืนกรานว่าไม่รวมไครเมีย

ระหว่างการพบกัน เดสชิตเซียประท้วงการผนวกไครเมียของรัสเซีย ขณะที่ลาฟรอฟยืนยันว่า มอสโกไม่มีแผนใช้กำลังรุกรานภูมิภาคทางตะวันออกและใต้ของยูเครน และสองฝ่ายตกลงไม่ยั่วยุให้ปัญหาไครเมียลุกลามอันจะนำไปสู่ผลลัพธ์ร้ายแรงตามมา

นักการทูตยุโรปชี้ว่า การส่งสัญญาณว่า ปูตินอาจตัดสินใจไม่รุกรานพื้นที่อื่นๆ ของยูเครนภายใต้ข้ออ้างในการปกป้องประชาชนที่พูดภาษารัสเซียนั้น อาจสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดกับเศรษฐกิจรัสเซีย