เอเจนซีส์ - เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลาง 2 ลูก โดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าเมื่อวันพุธ (26 มี.ค.) ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ รับหน้าที่เจ้าภาพเชื้อเชิญนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น และประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ของเกาหลีใต้ มาหารือเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก เพื่อตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ 2 พันธมิตรสำคัญในเอเชียของวอชิงตันคู่นี้ จะต้องเยียวยาความบาดหมางในอดีตและร่วมแรงกันรับมือภัยคุกคามในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เห็นกันชัดเจนว่าผู้นำหญิงของโสมขาว ยังแสดงท่าทีเฉยเมยต่อผู้นำหัวชาตินิยมแข็งกร้าวของแดนอาทิตย์อุทัย
อเมริกาหวังว่า การประชุมสุดยอด 3 ฝ่ายซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเฮก, เนเธอร์แลนด์ คราวนี้ จะช่วยปรับความสัมพันธ์โซล-โตเกียวที่ตกต่ำสุดขีดในรอบหลายปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากความบาดหมางในประวัติศาสตร์ที่ญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลีเป็นเมืองขึ้นในระหว่างปี 1910-1945 โดยเฉพาะการที่กองทัพแดนอาทิตย์อุทัยบังคับผู้หญิงแดนโสม “บำเรอกาม” ทหารของตน แล้วรัฐบาลอาเบะทำท่าเหมือนจะพยายามลบเลือนประวัติความเลวร้ายที่ญี่ปุ่นเคยกระทำมาในอดีต
ทั้งนี้ผลสำรวจล่าสุดชี้ว่า ชาวเกาหลีใต้รังเกียจอาเบะ ยิ่งกว่าคิม จองอึน ผู้นำเผด็จการเกาหลีเหนือเสียอีก รวมทั้งในช่วงเวลาประมาณปีเศษที่อาเบะและพัคต่างก้าวขึ้นเป็นผู้นำของแต่ละประเทศ ทั้งคู่ยังไม่เคยประชุมหารือในระดับทวิภาคีกันเลย โดยที่ประธานาธิบดีหญิงของโสมขาวแสดงท่าทีชัดเจนว่ายังไม่ต้องการพบหน้านายกฯญี่ปุ่นผู้นี้
อย่างไรก็ตาม วอชิงตันนั้นต้องการเสริมสร้างความเข้มแข็งของพันธมิตรคู่นี้ในการรับมือข้อกังวลภายในภูมิภาค เป็นต้นว่า โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ รวมทั้งการก้าวผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็วและแข็งกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ของจีน ซึ่งโอบามากำลังพยายามพัฒนายุทธศาสตร์ “ปักหมุด” หรือ “ปรับความสมดุล” ในเอเชีย ขึ้นมาต่อสู้
ในช่วงก่อนเริ่มการหารือคราวนี้ ซึ่งมีฐานะเป็นการประชุมข้างเคียงของการประชุมซัมมิตความมั่นคงทางนิวเคลียร์ที่ทั้งโอบามา, อาเบะ และพัค ตลอดจนผู้นำชาติต่างๆ อีกจำนวนมากเข้าร่วม อาเบะได้พยายามทลายกำแพงน้ำแข็ง ด้วยการกล่าวทักทายประธานาธิบดีพัค เป็นภาษาเกาหลี
ทว่า สื่อแดนกิมจิรายงานว่า พัคดูเหมือนไม่ประทับใจความพยายามดังกล่าวของอาเบะ เพราะนอกจากไม่ทักตอบแล้ว ใบหน้าของเธอยังเฉยชาไร้ความรู้สึก
กระทั่ง โยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีฐานะเป็นหัวหน้าโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นด้วย ยังต้องแถลงกับผู้สื่อข่าวในกรุงโตเกียววันพุธ (26) ว่า “ดูเหมือนว่า (ประธานาธิบดีพัค) ไม่ได้รู้สึกมีความประทับใจอันดีต่อนายกฯของเรา” พร้อมกับกล่าวอย่างมองโลกในแง่ดีว่า “ดังนั้นผมคิดว่าเธอ (พัค) คงสามารถเหลือบมองเห็นบุคลิกภาพอันแท้จริงของเขา (อาเบะ) ได้ (จากการประชุมหารือกันคราวนี้)”
ซูกะหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามในเรื่องที่ พัค แสดงอาการเฉยเมยต่อการทักทายของอาเบะ โดยบอกว่าตัวเขาไม่ทราบว่าพัคมีปฏิกิริยาอย่างไรในเฉพาะหน้านั้น “แต่ในที่สุดแล้ว พวกเขา (อาเบะและพัค) ก็จับมือกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี” เขาบอก
ทางด้าน โอบามา ผู้มีกำหนดเยือนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เดือนหน้า แถลงภายหลังการประชุมสุดยอด 3 ฝ่ายคราวนี้ว่า การร่วมมืออย่างใกล้ชิดตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า การยั่วยุและคุกคามของเปียงยางจะได้รับการตอบโต้อย่างเป็นเอกภาพระหว่างสามประเทศ
ประมุขทำเนียบขาวยังเสริมว่า ได้มีการหารือขั้นตอนที่เฉพาะเจาะจงในการเพิ่มความร่วมมือ 3 ฝ่าย ซึ่งรวมถึงความร่วมมือทางทหาร เช่น การซ้อมรบร่วมเพื่อป้องกันการโจมตีด้วยขีปนาวุธ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เกาหลีเหนือก็ได้แสดงอาการดื้อแพ่งด้วยการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางแบบ “โรดอง” จำนวน 2 ลูก ในเวลาประมาณ 02.35 น.วันพุธ (26) ตามเวลาของเกาหลีและญี่ปุ่น (ตรงกับ 00.35 น.เวลาเมืองไทย)
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เผยว่า ขีปนาวุธเหล่านี้ซึ่งยิงจากฐานยิงใกล้กรุงเปียงยาง ได้ตกลงในทะเลหลังจากเคลื่อนที่ไปราว 650 กิโลเมตร หรือเพียงครึ่งหนึ่งของระยะทำการสูงสุดที่คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 1,300 เมตร
การยิงขีปนาวุธพิสัยกลางที่สามารถโจมตีได้ถึงญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งดินแดนของรัสเซียและจีนครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากเปียงยางได้ทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้มาหลายระลอกรวมเป็นจำนวนหลายสิบลูกตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และยังเกิดขึ้นในขณะที่เกาหลีใต้กำลังทำการซ้อมรบกับอเมริกา รวมทั้งเป็นวาระครบรอบ 4 ปีที่เรือรบเกาหลีใต้จม ซึ่งโซลกล่าวหาว่า เป็นฝีมือเรือดำน้ำเปียงยาง ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธมาโดยตลอด
คิม มินซก รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ประณามว่า การยิงจรวดโรดองเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างชัดเจน อีกทั้งเป็นการยั่วยุโซลและนานาชาติ รวมทั้งเรียกร้องความสนใจ
ส่วนกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ประณามว่า เกาหลีเหนือมุ่งสร้างปัญหาและมุ่งยั่วยุ พร้อมกับขู่ใช้มาตรการที่เหมาะสมลงโทษการละเมิดมติของยูเอ็น
สำหรับญี่ปุ่นประณามความเคลื่อนไหวล่าสุดของเปียงยางเช่นเดียวกัน กระนั้น ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นยืนยันว่า จะไม่ยกเลิกการเจรจาระดับสูงกับเปียงยางในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับพลเมืองญี่ปุ่นที่ถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว รวมถึงโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของโสมแดง
หยาง มูจิน ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษา ในกรุงโซล ชี้ว่า การทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้มีจุดประสงค์ในการโชว์พลัง รวมทั้งกดดันให้อเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ฟื้นการเจรจาหกฝ่ายเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเปียงยางหวังว่า จะเป็นโอกาสให้ตนได้รับความช่วยเหลือและการผ่อนปรน
ทว่า โจเอล วิต อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ และบรรณาธิการเว็บไซต์ 38นอร์ท กลับมองว่า การทดลองดังกล่าวส่งผลลบต่อความพยายามของเกาหลีเหนือในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับโซลและโตเกียว อีกทั้งอาจทำให้จีน พันธมิตรสำคัญหนึ่งเดียวของเปียงยาง อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากใจ หากอเมริกาผลักดันมาตรการลงโทษเพิ่มเติมในยูเอ็น