เทเลกราฟ - เว็บไซต์ของเทเลกราฟ สื่อมวลชนชั้นนำของอังกฤษ อ้างคำบอกเล่าของแหล่งข่าวใกล้ชิดทีมสืบสวนเที่ยวบินปริศนา MH370 ระบุคณะผู้สืบสวนปักใจเชื่อว่ามันตกลงในมหาสมุทรอินเดียโดยเจตนาและน่าจะเป็นการฆ่าตัวตายของใครบางคน
เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ (24) นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน สิ้นสุดการเดินทาง 8 ชั่วโมงของวันที่ 8 มีนาคม ในน่านน้ำลึกและห่างไกลของมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากเมืองเพิร์ธของออสเตรเลีย ไปทางตะวันตก 2,400 กิโลเมตร และไม่มีผู้รอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม คำแถลงดังกล่าวได้ก่อคำถามต่างๆ มากมายกับข้อสรุปที่ว่าเครื่องบินตกทั้งๆ ที่ยังไม่พบซากใดๆ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทางการมาเลเซีย ยังไม่สามารถตอบคำถามที่ชัดเจนได้ว่า เครื่องบิน MH 370 ขาดการติดต่อ และเปลี่ยนออกนอกเส้นทางไปยังมหาสมุทรอินเดียได้อย่างไร
ในวันอังคาร (25) สำนักข่าวเทเลกราฟอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดทีมสืบสวน ระบุว่าทีมสืบสวนเกี่ยวกับการสูญหายของโบอิ้ง777 ลำดังกล่าว ไม่เชื่อว่าแค่เหตุขัดข้องหรือไฟไหม้จะเป็นต้นตอการบินอย่างผิดปกติของเครื่องบินหรือตัดขาดระบบสื่อสารทั้งหมด ก่อนที่มันจะเบี่ยงเส้นทางและบินอย่างเงียบเชียบนานกว่า 7 ชั่วโมงแล้วจึงดิ่งลงสู่ทะเล ขณะที่ผลวิเคราะห์เส้นทางการบิน สัญญาณและระบบสื่อสารต่างๆ แสดงให้เห็นว่ามันบินในแนวทางที่มีเหตุผลบางอย่าง
แหล่งข่าวบอกกับเทเลกราฟต่อ ทีมสืบสวนเชื่อว่ามันเป็นการกระทำโดยเจตนาของใครบางคนบนเครื่องบินซึ่งจำเป็นต้องคุ้นเคยรายละเอียดที่ต้องทำเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามยังไม่ปรากฏข้อมูลที่สามารถชี้ชัดถึงแรงจูงใจได้
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ของปัญหาขัดข้องหรือเหตุไฟไหม้บนเครื่อง แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทีมสืบสวนรายนี้บอกว่า “มันไม่สอดคล้องกัน ทีมสืบสวนพุ่งเป้าไปในประเด็น ทำไมต้องพาเครื่องบินไปยังจุดที่ต้องใช้เวลาการบินนาน 8 ชั่วโมง พวกเขาชี้ว่ามันเป็นการบินในลักษณะที่มีเหตุผลอะไรบางอย่าง”
ระหว่างการถ้อยแถลงในวันจันทร์ (24) นายราซัคระบุว่าทางหน่วยงานด้านการสืบสวนอุบัติเหตุทางอากาศของอังกฤษ (เอเอไอบี) และอินมาร์แซต บริษัทดาวเทียมของอังกฤษ ให้ข้อมูลการวิเคราะห์ซึ่งนำมาสู่ข้อสรุปของเขา อย่างไรก็ตาม มันได้ทำให้อังกฤษตกอยู่ท่ามกลางเกมโยนบาปกันของนานาชาติต่อการจำกัดวงการค้นหาที่ล่าช้า ขณะที่ญาติๆของเหล่าผู้โดยสารของเครื่องบินที่สูญหาย ต่างโกรธกริ้วที่ อินมาร์แซตและทางการมาเลเซีย ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง สรุปว่าเที่ยวบิน MH 370 น่าจะตกลงสู่ทะเลทั้งที่ยังไม่มีการตรวจพบซากเครื่องบินแม้แต้ชิ้นเดียว
ท่ามกลางเส้นทางการบินที่ยังเป็นปริศนาและข่าวลือที่คาดเดากันไปต่างๆนานา ทางสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เปิดเผยเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ (24) ว่า เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศครั้งแรกของนายฟาริก อับดุล ฮามิด ผู้ช่วยนักบินวัย 27 ปี กับโบอิ้ง 777 ในฐานะนักบินที่ได้รับอนุญาตอย่างเต็มขั้น
โดยนายฟาริกเข้ามาทำงานกับสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เมื่อ 7 ปีก่อนและมีประสบการณ์การบิน 2,763 ชั่วโมง แต่เขาเคยขึ้นบินด้วยโบอิ้ง 777 แค่ 6 ครั้ง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บอกว่าการไร้ประสบการณ์ของผู้ช่วยนักบินในห้องควบคุมของโบอิ้ง 777 ไม่น่าจะก่อความเสี่ยงใดๆ
ทั้งนี้ เว็บไซต์ของเทเลกราฟ ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับถ้อยแถลงที่น่าประหลาดใจของมาเลเซียแอร์ไลน์สเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากสายการบินแห่งนี้บอกว่าขอสวดมนต์ภาวนาแด่บุคคลอันเป็นที่รักของผู้โดยสาร 226 คน เพื่อนๆ และสหายผู้ร่วมงาน 13 คน ซึ่งในเอกสารข้อมูลผู้โดยสารพบว่า เครื่องบินลำนี้บรรทุกผู้โดยสาร 227 รายและลูกเรือ 12 คน โดยเวลานี้ทางสายการบินยังไม่ได้ออกมาชี้แจงถึงตัวเลขที่ไม่ตรงกันดังกล่าว