เอเจนซีส์ - เวเนซุเอลาได้ถอด มาเรีย คอรินา มาชาโด ผู้นำ ส.ส.หญิงฝ่ายค้านสภาคองเกรสเวเนซุเอลาออกจากตำแหน่ง หลังจากเธอได้ตอบรับคำเชิญจากปานามาให้ขึ้นกล่าวรายงานถึงสถานการณ์ล่าสุดของการประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีเวเนซุเอล นิโคลัส มาดูโร ในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ประชุมองค์การรัฐอเมริกา (OAS) ซึ่งมาดูโรก่อนหน้านั้นมีปัญหากับ OAS และปานามาจนกระทั่งได้สั่งขับนักการทูตปานามาออกนอกประเทศพร้อมทั้งตัดความสัมพันธ์ทางการค้าและการเมือง
ปานามาได้เชิญ มาเรีย คอรินา มาชาโด ผู้นำ ส.ส.หญิงฝ่ายค้านสภาคองเกรสเวเนซุเอลา เพื่อขอให้เธอเปิดเผยถึงสถานการณ์การประท้วงล่าสุดในเวเนซุเอลาที่มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มล่าสุดถึง 36 รายโดยมีหญิงตั้งครรภ์รวมอยู่ในนั้นด้วย แต่ทางเวเนซุเอลากลับประณามว่า ส.ส.หญิงผู้นี้กระทำเสมือนหนึ่งเธอเป็นตัวแทนจากปานามาจากเหตุผลที่มาชาโดยอมตอบรับคำเชิญครั้งนี้
การสั่งปลดครั้งนี้จะทำให้มาชาโดจะต้องเสียสิทธิภูมิคุ้มกันทางรัฐสภาไป และอาจถูกจับกุมหากเธอถูกดำเนินคดีในข้อหา “ปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง” ในการประท้วงที่เริ่มต้นมาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผู้ประท้วงไม่พอใจในสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ความขาดแคลนด้านอาหารและเครื่องอุปโภคที่สำคัญ รวมไปถึงอัตราการเกิดอาชญากรรมที่พุ่งสูงภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร
โดยประธานรัฐสภาเวเนซุเอลา ดิออสดาโด คาเบลโล ได้เปิดเผยว่า มาชาโดได้ “ละเมิดรัฐธรรมนูญเวเนซุเอลา” เหตุเพราะ มาเรีย คอรินา มาชาโด ถูกแนะนำในการประชุมองค์การรัฐอเมริกา (OAS) ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เสมือนหนึ่งเธอเป็น “เอกอัครราชทูตปานามา” อีกคนหนึ่งที่เข้าร่วมการประชุมอยู่ในที่นั้นด้วย “บางทีรัฐบาลปานามาอาจจะตัดสินใจแต่งตั้งให้มาชาโดเป็นทูตถาวรในอนาคตอันใกล้นี้” คาเบลโลกล่าวต่อ
ทั้งนี้ มาชาโดที่เพิ่งถูกถอดออกจากตำแหน่ง ส.ส.เวเนซุเอลาหมาดๆ ได้เดินทางมาถึงสนามบินแห่งชาติเปรูในกรุงลิมาเพื่อร่วมการสัมนาที่สถาบันในเปรูซึ่งอยู่ในความดูแลของนักเขียนรางวัลโนเบลปี 2010 มาริโอ วารกัส โยซา (Mario Vargas Llosa) โดยเธอได้กล่าวตอบโต้คาเบลโลที่ใช้อำนาจเผด็จการในการทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้นำสูงสุดทางรัฐสภาของเวเนซุเอลา
โดยมาชาโดได้ตอบโต้ผ่านทวิตเตอร์ว่า “คุณคาเบลโล ดิฉันทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.หญิงแห่งสภาผู้แทนราษฎรเวเนซุเอลาตราบนานเท่าที่ประชาชนเวเนซุเอลายังคงต้องการให้ดิฉันทำงานรับใช้อยู่” และเธอยังกล่าวว่า เธอพร้อมรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาในการตัดสินใจของเธอก่อนหน้านั้น “หากมันเป็นราคาที่ต้องจ่ายจากเหตุที่ดิฉันยอมตอบรับคำเชิญไปร่วมการประชุม OAS เพื่อให้เสียงของประชาชนชาวเวเนซุเอลาจะได้ส่งไปถึง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ดิฉันต้องโดนถูกดำเนินคดีในขณะนี้ ดิฉันพร้อมขอยอมรับต่อสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเต็มใจ” มาชาโดกล่าวทิ้งท้าย
ก่อนหน้านั้นในวันเสาร์ (23) มาดูโรได้มีการกล่าวโยงถึงมาชาโดว่าเป็นอดีตสภาผู้แทนราษฎรหญิงพรรคฝ่ายค้าน และพบว่าในช่วงที่เริ่มมีการประท้วงขับไล่มาดูโรในระยะแรก อดีตสส.หญิงผู้นี้ได้แสดงความประสงค์อย่างเปิดเผยที่ต้องการให้มาดูโรยื่นใบลาออกออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ