เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่แถลงในคืนวันอาทิตย์ (24 มี.ค.) ว่า พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 8 คน และสูญหายอีก 18 คน จากเหตุโคลนถล่มครั้งใหญ่ที่ไหลพุ่งเข้าใส่ชุมชนบริเวณไหล่เขาทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริการาวกับ “ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้า” ฝังบ้านเรือนและรถยนต์อยู่ใต้โคลนและซากปรักหักพังสูง 4-6 เมตร
โคลน ก้อนหิน และต้นไม้ถาโถมเข้าใส่ โอโซ ชุมชนชนบทเล็กๆ ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซีแอตเติล, มลรัฐวอชิงตัน เมื่อวันเสาร์ (22) ที่ผ่านมา หลังจากนั้นไม่นานมีรายงานผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งสามารถนำร่างของพวกเขาออกจากซากปรักหักพังได้ในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น
ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าว่า กระแสโคลนไหลพุ่งเข้าใส่ชุมชนราวกับขบวนรถไฟขนส่งสินค้า เพียงไม่ถึงนาทีทุกอย่างถูกฝังอยู่ใต้โคลน
ต่อมาในวันอาทิตย์ (23) ทราวิส ฮอตส์ หัวหน้าหน่วยดับเพลิงของสโนโฮมิช เคาน์ตี ประกาศว่า พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 ราย
ขณะที่ ชารี ไอร์ตัน โฆษกหญิงของสโนโฮมิช เคาน์ตี เผยว่า มียอดผู้สูญหายที่สามารถยืนยันได้ 18 ราย สำหรับร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 8 คนนี้ พบภายในบริเวณพื้นที่ 2.6 ตารางกิโลเมตรที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ก้อนหิน ต้นไม้ และโคลน อย่างไรก็ตาม ฮอตส์แถลงข่าวทางทีวี ระบุว่า ตัวเลขต่างๆ เหล่านี้ยังไม่นิ่ง
นอกจากนี้ ภายในพื้นที่ที่ถูกโคลนถล่ม ซึ่งบางจุดซากมีปรักหักพังกองทับถมสูงถึง 4-6 เมตรนั้น ยังพบผู้บาดเจ็บสาหัส 7 คน ในจำนวนนี้มมีทั้งทารกวัย 6 เดือนและชายชราอายุ 81 ปี ส่วนบ้านเรือนเสียหายราว 30 หลัง
เจ้าหน้าที่เชื่อว่า สาเหตุของภัยพิบัติครั้งนี้คือ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้ดินอุ้มน้ำและกลายเป็นโคลนถล่มลงมา
เจ้าหน้าที่กู้ภัยเผยว่า ได้ยินเสียงร้องขอความความช่วยเหลือในช่วงคืนวันเสาร์ แต่เมื่อสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ในเช้าวันอาทิตย์กลับไม่ได้ยินเสียงหรือเห็นสัญญาณชีวิตใดๆ
อย่างไรก็ดี จอห์น เพนนิงตัน หัวหน้าแผนกบริหารจัดการสภาวะฉุกเฉินของสโนโฮมิชสำทับว่า หน่วยกู้ภัยค้นหาผู้รอดชีวิตตลอดคืนวันอาทิตย์และยังคงค้นหาต่อเนื่องในวันจันทร์ (24) ซึ่งรวมถึงการออกเดินเท้าค้นหา
ทางด้าน เจย์ อินสลี ผู้ว่าการมลรัฐวอชิงตัน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ประสบภัย และยืนยันว่า มีความพยายามกู้ภัยอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง พร้อมเสริมว่า เฮลิคอปเตอร์ ยานโฮเวอร์คราฟต์ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบรุดไปยังสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี โคลนที่ถล่มลงมายังคงไหลไม่หยุด ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยบางคนที่พยายามเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุจมลึกถึงรักแร้และต้องพยายามดึงตัวเองออกมา
ทั้งนี้ ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักผิดปกติในแถบภูเขาคาสเคด แม้ฝนหยุดตกในวันอาทิตย์ ทว่า บริการพยากรณ์อากาศคาดว่า จะมีฝนหนักมากต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์นี้
ขณะนี้เจ้าหน้าที่จึงต้องจับตาเขื่อนในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างระมัดระวัง เนื่องจากกลัวว่าแรงดันจากแม่น้ำที่ล้นตลิ่งหลังเขื่อน อาจทะลักท่วมชุมชนที่อยู่ปลายน้ำ