เอเจนซีส์ - เมลออนไลน์ซันเดย์ สื่ออังกฤษ ได้เปิดเผยว่าในขณะนี้ตำรวจมาเลย์พบเงื่อนงำมากขึ้นเกี่ยวกับกัปตัน ซาฮารี อะหมัด ชาห์ นักบินที่ 1 ของเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่สูญหายไปยาวนานกว่า 16 วันแล้ว ซึ่งพบว่าชาห์ได้รับสายโทรศัพท์เป็นเวลา 2 นาทีก่อนเครื่องบินจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากผู้หญิงไม่ทราบชื่อที่ “ใช้เอกสารปลอม” ซื้อซิมโทรศัพท์มือถือแบบพรีเพด ซึ่งมีความกลัวเพิ่มขึ้นว่าอาจโยงก่อการร้าย โดยทางการมาเลย์จะเริ่มสอบปากคำภรรยาของกัปตันนักบินคนขับอย่างละเอียดในไม่ช้า
ล่าสุดเงื่อนงำการสืบสวนของตำรวจมาเลย์ยังคงพุ่งเป้าไปที่นักบินคนขับ ซาฮารี อะหมัด ชาห์ ที่มีการพบว่า ชาห์ได้รับสายโทรศัพท์เป็นเวลา 2 นาที่จากหญิงไม่ทราบชื่อที่ใช้เอกสารปลอมเพื่อแสดงตัวตน เช่น บัตรประชาชน หรือพาสปอร์ตซื้อซิมโทรศัพท์มือถือแบบพรีเพด ซึ่งโทรศัพท์สายนี้เป็นหนึ่งในโทรศัพท์สายท้ายๆ ที่ชาห์รับสาย หรือโทร.ออกจากเครื่องโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของเขาในไมี่กี่ชั่วโมงก่อนที่ชาห์จะขับเครื่องบินโบอิ้ง 777 ทะยานออกจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ 16 วันมาแล้ว โดยมีความวิตกว่าการที่ใช้เอกสารปลอมเพื่อซื้อซิมโทรศัพท์มือถือที่ต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตนผู้ซื้ออันเป็นมาตรการป้องเหตุก่อการร้ายหลังเหตุการณ์ 9/11 นี้อาจเกี่ยวพันกับก่อการร้าย
โดยตำรวจมาเลย์พบว่า ซิมการ์ดแบบพรีเพดนี้ถูกซื้อที่กรุงกัวลาลัมเปอร์โดยคนผู้หนึ่งที่ใช้ชื่อผู้หญิง และใช้หลักฐานเท็จเพื่อลงทะเบียนการซื้อ
เบาะแสล่าสุดนี้ทำให้มีการเกรงว่า ชาห์วัย 53 ปี อาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายที่สมาชิกของกลุ่มมักใช้หลักฐานปลอมในการซื้อซิมโทรศัพท์มือถือแบบพรีเพด ซึ่งใครก็ตามได้มีโอกาสสนทนากับชาห์ก่อนขึ้นบินได้ถูกสอบสวนไปแล้วทั้งสิ้น
และอีกด้านหนึ่งของการสอบสวน ทางเมลออนไลน์ซันเดย์สืบทราบมาว่า ทางตำรวจมาเลย์มีความประสงค์ที่จะสอบปากคำภรรยาของชาห์อย่างละเอียด
ที่ผ่านมาเป็นเวลาถึง 2 สัปดาห์ที่ตำรวจมาเลย์ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำภรรยาของชาห์แต่อย่างใด แต่จะการสอบปากคำ ไฟซาห์ ข่าน (Faizah Khan) จะเริ่มอย่างเป็นทางการเร็ววันนี้ หลังจากทางมาเลเซียโดนเจ้าหน้าที่ FBI สหรัฐฯที่เข้ามาช่วยเหลือทางคดีกดดันอย่างหนัก
ซึ่งพบว่าถึงแม้ว่าทั้งชาห์และภรรยาที่มีบุตรด้วยกัน 3 คนนั้นแยกกันอยู่ แต่คนทั้งคู่ยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกัน โดยแหล่งข่าวมาเลย์ได้เปิดเผยว่า ไฟซาห์ได้รับการพูดคุยอย่างสุภาพจากทางตำรวจมาเลย์ แต่เธอยังไม่ได้ให้ปากคำอย่างจริงจังที่จะหาข้อมูลถึงพฤติกรรมของสามีเธอและสิ่งที่สามีของเธอกังวลหรือพูดถึงในช่วงก่อนขึ้นบินเที่ยวบินสูญหาย
“การที่เจ้าหน้าที่สอบสวนต้องรอสักพักใหญ่นั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตุผลด้านวัฒนธรรมที่จะไม่สอบสวนบีบเค้นอย่างหนักกับคนที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ตรึงเครียดเช่น การสูญหายของเครื่องบินเที่ยว MH370” แหล่งข่าวกล่าว
วิธีการแบบละมุนละม่อมค่อยเป็นค่อยไปของมาเลเซียสร้างความกดดันอย่างหนักให้กับทีมเจ้าหน้าที่ FBI สหรัฐฯ ที่เชื่อว่าภรรยาของนักบินผู้นี้อาจมีข้อมูลสำคัญที่ชี้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจของชาห์
“โลกทั้งใบกำลังจดจ่ออยู่กับการสูญหายของเครื่องบินเที่ยว MH370 และบุคคลที่รู้เรื่องมากที่สุดเกี่ยวกับกัปตันเที่ยวบินสูญหายครั้งประวัติศาสตร์นี้กลับ “ถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพัง” ”แหล่งข่าวใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ FBI สหรัฐฯ เผย และยังกล่าวต่อไปว่า “หากทางเจ้าหน้าที่มาเลย์ต้องการตัดกัปตันคนขับออกจากคดีนี้ ทางที่ดีที่สุดคือต้องสอบปากคำภรรยาของเขาเพื่อที่จะรู้ถึงสภาพจิตกัปตันผู้นี้”
โดยสายลึกลับจากหญิงไม่ทราบชื่อถูกพบเมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนถึงข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของชาห์และผู้ช่วยคนขับนักบิน ฟาริก อับดุลฮามิด วัย 27 ปี ซึ่งถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลย์ย้ำหนักแน่นว่า การใช้ “เอกสารปลอม” เพื่อซื้อซิมโทรศัพท์มือถือแบบพรีเพด “ไม่จำเป็นเสมอไปต้องเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย” ก็ตาม
และพบว่าบางครั้งนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในมาเลเซียแอบใช้เอกสารปลอมเพื่อซื้อซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบพรีเพดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดักฟังจากเจ้าหน้าที่จากพรรครัฐบาลมาเลย์
นอกจากนี้ ช่วงเวลาการโทรศัพท์จากสายลึกลับถึงชาห์ก่อนเครื่องบินจะขึ้นเทคออฟนี้เป็นสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนต้องการทราบว่า นักบินในห้องเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “การตกของเครื่อง” หรือ “การจี้เครื่องบิน” ที่จะเป็นสาหเตุของการหายไปของเครื่องบินเที่ยว MH370 หรือไม่
และแหล่งข่าวของFBI ยังกล่าวเสริมท้ายว่า “ฮาร์ดไดร์ฟที่บรรจุข้อมูลไฟลต์ซิมมูเลเตอร์ได้เดินทางมาถึง FBI แล็บในควอนติโก รัฐเวอร์จิเนียในปลายสัปดาห์ล่าสุด นั้นหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่มาเลย์ไม่สามารถที่จะกู้ไฟล์ที่ถูกลบไปได้ โดยพวกเขาสงสัยว่า การลบข้อมูลไปนั้นเพื่อกันไม่ให้ตามรอยได้ภายหลัง และการส่งฮาร์ดไดร์ฟให้ทาง FBI ล่าช้านี้แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างเจ้าหน้าที่มาเลย์และเจ้าหน้าที่ FBI สหรัฐฯ ซึ่งทางสหรัฐฯมีเทคโนโลยีที่จะกู้ไฟล์ที่ถูกลบได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพแต่ทางมาเลเซียไม่มี”
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (22) รัฐมนตรีคมนาคมมาเลย์รักษาการ ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน เจ้าหน้าที่สืบสวนคดีนี้อยู่ในสภาวะความกดดันอย่างหนักเนื่องจากตระหนักว่า เวลากำลังใกล้หมดลงแล้ว เพราะกล่องดำบันทึกเสียงและบันทึกข้อมูลนั้นจะส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ออกมาเป็นเวลา 30 วัน ก่อนที่แบตเตอร์รีจะดับลง แต่ฮุสเซนอ้างว่าได้ตรวจสอบคาร์โกเครื่องบินโดยละเอียดแล้ว แต่ไม่พบเงื่อนงำที่จะนำไปสู่การสูญหายของ MH370