เอเจนซีส์ - หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ สื่อสหรัฐฯ ได้ชี้ว่า สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สอาจมีเบาะแสสำคัญ เช่น ทิศทาง ความเร็ว และอัลติจูดของเที่ยวบิน MH370 เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ หากบริษัทสายการบินสัญชาติมาเลย์ยอมจ่าย 10 ดอลลาร์ต่อเที่ยวบินเพื่ออัปเกรดระบบช่วยติดตามเครื่องที่สูญหายแบบเรียลไทม์ ที่ถึงแม้ระบบเครื่องมือสื่อสารและบอกตำแหน่งปิดก็ยังสามารถติดตามต่อได้
การอัปเกรดระบบคอมพิวเตอร์ง่ายๆที่สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สตัดสินใจไม่ยอมจ่ายเพิ่ม ที่จะส่งผลให้มีเบาะแสสำคัญเพื่อตามหาเที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายมานานกว่า 12 วัน โดยการอัปเกรดระบบโดยรวมที่มีค่าใช้จ่ายราว 10 ดอลลาร์ต่อเที่ยวบิน ซึ่งจะช่วยให้ข้อมูลสำคัญ เช่น ทิศทาง ความเร็ว และอัลติจูดของเที่ยวบินที่สูญหาย ที่ถึงแม้ระบบเครื่องมือสื่อสารและบอกตำแหน่งของเครื่องบินปิดก็ยังสามารถติดตามได้ อ้างจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดาวเทียมสหรัฐฯ
ที่ผ่านมาข้อมูลที่มาจากคอมพิวเตอร์ที่มีออปชันระบบดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่สามารถกำหนดขอบเขตการตามหาเครื่องบินของสายการบินฝรั่งเศสที่ตกในปี 2009 ได้อย่างรวดเร็วภายในรัศมี 40 ไมล์ในมหาสมุทรแอตแลนติก และใช้เวลาเพียง 5 วันในการคำนวณหาจุดตกของเครื่องจากเศษชิ้นส่วนแรกที่ค้นพบ
แต่ในทางกลับกันกับการตามหา MH370 ที่ในขณะนี้ครอบคลุมพื้นที่ราว 2.24 ล้านตารางไมล์ทะเลในมหาสมุทรอินเดียนับตั้งแต่ชายฝั่งตะวันตกของมาเลเซียไปจนจดชายฝั่งของเพิร์ธ ออสเตรเลีย
ซึ่งข้อมูลใหม่จากผู้เชี่ยวชาญได้ชี้ว่า การอัปเกรดระบบที่เรียกว่า “สวิฟต์” หรือ Swift จะช่วยให้ยังคงส่งข้อมูลเที่ยวบินที่สูญหายโดยดาวเทียมที่ถึงแม้ว่าข้อมูลจากระบบทรานสปอนเดอร์และ ACARS ของเครื่องบิน MH370 จะดับไป ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าระบบทรานสปอนเดอร์และ ACARS นั้นได้ถูกปิดไปโดยนักบินของเครื่องหรือคนร้ายที่ทำการจี้เครื่องบินเที่ยว MH370 ก่อนที่เครื่องบินลำนี้จะบินต่อไปอีก 7 ชม.
โดยแหล่งข่าวที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดาวเทียมสหรัฐฯ ได้โยงถึงความเหมือนของระบบสวิฟต์กับระบบโทรศัพท์มือถือที่ส่งข้อมูลไปยังดาวเทียม โดยผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายว่า ระบบ ACARS ของเครื่องบินนั้นเหมือนกับ “แอปพลิเคชัน” บนสมาร์ทโฟน
และหากระบบสวิฟต์ได้ถูกติดตั้งเพิ่มเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์มาตรฐานทั้งหมด ทางผู้ติดตามจะได้รับทราบข้อมูลเครื่องที่สูญหาย เช่น สมรรถนะของเครื่องยนต์ ระดับน้ำมัน ความเร็ว อัลติจูด และทิศทาง ไม่ว่าระบบทรานสปอนเดอร์และ ACARS จะทำงานอยู่หรือไม่ก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้
“และเมื่อระบบ ACARS ถูกปิดลง แต่ระบบสวิฟต์ยังคงทำงานอยู่” ผู้เชี่ยวชาญกล่าว และเสริมต่อไปว่า “หากผู้ติดตามได้สั่งให้ระบบสวิฟต์ทำการติดตามข้อมูลของเครื่องยนต์เครื่องบินที่สูญหาย ข้อมูลจะถูกส่งออกมาจากเครื่องบิน ซึ่งมันจะยังคงทะยอยส่งออกมาเรื่อยๆ ในขณะที่เครื่องบินยังคงทำงานอยู่”
และพบว่าสายการบินหลักๆ มากมายต่างเลือกใช้ฟูลแพกเกจที่รวมถึงระบบสวิฟต์นี้ ข้อมูลที่ระบบสวิฟต์ได้เผยแพร่ออกมาเป็นไปตามตามข้อบังคับภายใต้ข้อชี้แนะของการบินสากลสำหรับสายการบินในเส้นทางแอตแลนติกเหนือระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป แต่ไม่พบว่าข้อกำหนดนี้จะถูกใช้กับเส้นทางบินอื่นในโลก ผู้เชี่ยวชาญชี้เพิ่ม
และนอกจากที่ระบบสวิฟต์จะสามารถถูกเซ็ตเพื่อให้ส่งข้อมูลเครื่องบินที่สูญหายไปยังบริษัทสายการบินแล้ว ยังจะสามารถตั้งค่าเพื่อให้ข้อมูลถูกส่งกลับไปยังบริษัทผู้ผลิตเครื่องบิน เช่น โบอิ้ง หรือแอร์บัส ได้อีกด้วย และรวมไปถึงบริษัทที่ผลิตเครื่องยนต์ เช่น โรลสลอยซ์ หรือแพรตต์ & วิทนีย์
ทั้งนี้ ถึงแม้ราคาเหมารวมของแพกเกจคือ 10 ดอลลาร์ต่อเที่ยวบิน แต่ทางสายการบินนั้นต้องจ่ายราคาที่สูงกว่า จึงทำให้บางสายการบินตัดสินใจที่จะไม่เสียเงินเพิ่มขึ้นกับการดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ที่ดูเหมือนว่าโดยทั่วไปจะไม่จำเป็นยกเว้นในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินมาก และเกิดขึ้นได้น้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามไปยัง เซนูล ซาวาวี (Zainul Zawai) รองประธานภาคปฏิบัติการในแถบอเมริกาเหนือของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ซาวาวีปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเที่ยวบินที่สูญหาย
และเมื่อถามผู้เชี่ยวชาญว่า เหตุใดบางสายการบินจึงไม่เลือกที่จะจ่ายเพิ่มเพื่ออัพเกรดระบบ ผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายว่า ค่าใช้จ่ายหลักของสายการบินคือค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนั้นจึงต้องหาทางประหยัดค่าใช้จ่ายอื่น และผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายต่อไปว่า แทนที่จะเลือกใช้การดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ บางสายการบินเลือกใช้วิธีดาวน์โหลดข้อมูลใส่ในแฟลชไดร์ฟเมื่อเครื่องได้ลงจอด